ทำงานอย่างไรให้ไม่เครียด มีสุขภาพจิตเเละสุขภาพกายที่สมบูรณ์เเข็งเเรงตลอดทั้งวัน ใครอยากรู้ต้องลองเข้ามาอ่านดู เทคนิคเเต่ละอย่างนี้ทำตามได้ไม่ยากเลย !
สวัสดีเพื่อนๆทุกคน กลับมาพบกันเป็นประจำทุกวันเช่นเคยกับเรื่องราวสาระดีๆ สำหรับบทความนี้เราขอจัดให้เอาใจเพื่อนๆมนุษย์ออฟฟิศทุกคน เพราะเราเข้าใจว่างานออฟฟิศในทุกวันนี้ค่อนข้างมีความเครียด เร่งด่วนแข่งขันไม่ได้ชิลเหมือนสมัยก่อน แต่การจะปล่อยให้ร่างกายของเราตกอยู่ใสสภาวะความตึงเครียดตลอดทั้งวันนั้นย่อมไม่ใช่ผลดีแน่ เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายของเราแล้วยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานต่ำลง ผลงานที่ได้ออกมาจึงมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่ามาตรฐาน และเพื่อเป็นการทำให้เราหายจากความเครียดได้ในเวลาอันรวดเร็ว เราจึงควรมารู้จักวิธีการคลายเครียดในแบบฉบับมนุษย์ออฟฟิศกันดีกว่า ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นเราลองมาดูกันเลยครับ
#1. ลองหันออกไปที่นอกหน้าต่างบ้าง
ระหว่างวันทำงานในช่วงที่เรารู้สึกเครียดเกินไปจนคิดอะไรไม่ออก เราอยากจะแนะนำให้คุณลองหลับตาสัก 10 วินาทีจากนั้นเปิดผ้าม่านรับแสงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างดู ลองมองอะไรที่เป็นธรรมชาติโดยเฉพาะที่เป็นสีเขียวธรรมชาติจากต้นไม้ใบหญ้า ซึ่งในทางจิตวิทยาเผยว่าการรับแสงและสัมผัสแสงสีเขียวจากธรรมชาติจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้มากเลยทีเดียว
#2. งีบกลางวัน
มีงานวิจัยเยอะมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าการงีบหลับสั้นๆระหว่างวันจะสามารถช่วยรีบูธให้สมองกลับมาสดชื่นได้ใหม่อีกครั้งเทียบเท่ากับความสดชื่นในตอนเช้าเลยที่เดียว ซึ่งระยะเวลาการงีบควรจะอยู่ที่ประมาณ 10 นาทีและไม่ควรเกิน 20 นาที
#3. ลุกเดินยืดเส้นยืดสาย
การนั่งทำงานในท่านั่งเดิมนานๆจะทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตของร่างการเรามีประสิทธิภาพลดลง เลือดจึงส่งสารอาหารและออกซิเจนขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอต่อความต้องการจึงเป็นเหตุให้คุณรู้สึกง่วงนั่นเอง ซึ่งเราสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ง่ายด้วยการลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจยืดเส้นยืดสายบ้าง ให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้เพิ่มความยืดหยุ่นและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
#4. กลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์ช่วยได้
ใบเปปเปอร์มิ้นทั้นได้รับการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ากลิ่นหอมของมันสามารถช่วยบรรเทาความเครียด คลายความวิตกกังวลได้ ดังนั้นระหว่างวันทำงานคุณเองก็ควรใช้ประโยชน์จากกลิ่นหอมของใบมิ้นท์ แต่หากไม่รู้ว่าจะหาใบมิ้นท์จากไหน ลองเคี้ยวหมากฝรั่งกลิ่นใบเปปเปอร์มิ้นท์ก็ช่วยได้ครับ
#5. ฟังเพลง
การปล่อยให้สภาพบรรยากาศในห้องทำงานเต็มไปด้วยความเงียบที่ทุกคนต่างหน้าดำคร่ำเครียดกับงานนั้นๆเป็นอะไรที่ทำให้เราเครียดตาม ดังนั้นหากคุณอยากทำลายความเงียบเติมชีวิตชีวาให้กับตัวเอง หูฟังช่วยคุณได้เมื่อได้หูฟังแล้วลองทำงานไปด้วย เปิดเพลงคลอเบาๆให้เกิดสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีเเละถ้ามีกาแฟข้างๆซักแก้วนี้เข้าท่าเลยนะ
#6. พูดคุยกับเพื่อนๆบ้าง
ในช่วงที่พักเบรกไม่ว่าจะเป็นช่วงสาย หรือช่วงบ่ายระหว่างเข้าห้องน้ำ หรือชงกาแฟทานการได้พูดคุยกับเพื่อนบ้างจะช่วยให้คุณรู้สึกหายเครียดได้ไม่น้อย เพราะการขยับปาก ได้หัวเราะอย่างมีความสุขบ้างจะช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น ความสดชื่นสดใสมีชีวิตชีวาจึงกลับมาได้บ้าง
#7. ดื่มน้ำเปล่าเย็นๆผสมน้ำเลมอน
หากที่ออฟฟิศของคุณไม่มีมะนาวให้บริการคุณอาจต้องพกมาเองจากบ้านวันละลูกสองลูกแล้วล่ะ เทคนิคการกระตุ้นความสดชื่นคลายเครียดได้ดีอีกวิธีหนึ่งโดยไม่ต้องพึ่งคาเฟอีนก็คือการทานน้ำเย็นผสมน้ำมะนาวนี่แหล่ะ เพียงแค่คุณมีน้ำเย็นสักแก้วจากนั้นก็บีบน้ำมะนาวฝานคนผสมให้เข้ากันแล้วดื่ม กลิ่นจี๊ดจาดของมะนาวจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวาขึ้น
#8. เดินเล่นผ่อนคลาย
อย่างที่ได้บอกไปว่าการนั่งทำงานนานทำให้เลือดลมไหลเวียนได้น้อยลง นอกจากการลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจแล้วการเดินก็สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้มาก คุณอาจจะแค่เดินไปห้องน้ำ หรือเดินเล่นไปรอบๆตึกในชั้นที่คุณทำงานอยู่สักไม่เกิน 100 ก้าวก็จะสามารถกระตุ้นความสดชื่นให้แก่ร่างกายคุณมากแล้ว
#9. ล้างหน้าด้วยน้ำเย็น
คงไม่ต้องอธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์อะไรให้มาก เพราะจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาคุณคงทราบดี ไม่ว่าจะง่วงนอนเพราะเมาเหล้า ง่วงเพราะขับรถทางไกล ง่วงเพราะนั่งฟังเลคเชอร์หรือประชุม หรือง่วงจากการนั่งทำงานจนจะหลับคาโต๊ะ การล้างหน้าสามารถช่วยให้คุณตื่นและรู้สึกสดชื่นได้ในทันที
#10. เลี่ยงการทานขนมหวานที่มีน้ำตาลสูง
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะหากเรารับประทานความหวานเข้าไป ร่างกายจะต้องปล่อยฮอร์โมนอินซูลินออกมาจัดการกับความหวาน และสิ่งที่จะตามมาพร้อมกับอินซูลินด้วยก็คือสารที่ทำให้ร่างกายเราง่วง ดังนั้นหากร่างกายต้องการความหวานเพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองคุณควรเลือกทานดาร์กช็อคโกแลตแทน เพราะดาร์กช็อคโกแลตเป็นอาหารที่มีระโยชน์ แคลอรี่ต่ำ และจะไม่ทำให้คุณง่วงมาก
แหล่ะนี่ก็คือ 10 วิธีการที่จะช่วยให้คุณคลายจากความเครียดและความง่วงในช่วงที่นั่งทำงานระหว่างวัน หลังจากที่ได้อ่านจบไปแล้วเพื่อนคงจะเห็นแล้วว่าไม่มีเทคนิคไหนยากเลยใช่มั้ยล่ะ ดังนั้นเมื่อทราบแล้วก็ลองนำไปใช้กันดูได้เลยนะครับ