“คนหลงตัวเอง” แค่ได้ยินก็เบื่อแล้ว
ใครเป็นเหมือนกันบ้างคะ เวลาที่เจอคนที่ “หลงตัวเอง” นั้นเป็นอะไรที่ไม่อยากเข้าใกล้เอาซะเลย อยากจะหนีไปให้ไกลๆ เพราะเมื่อเราพูดด้วยก็มักจะมีแต่เรื่องราวของตัวเอง แล้วรู้มั้ยว่าตอนนี้อาการหลงตัวเองนั้นกลายเป็น “โรคระบาด” ในสังคมเราไปแล้ว เพราะคนยุคใหม่มีช่องทางให้แสดงออกได้โชว์ความเป็นคนหลงตัวเองได้มากมาย อย่างในโซเชียลฯ ที่ถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมคนหลงตัวเองเอาไว้จำนวนมากมายเหลือเกิน วันๆ ไม่ทำอะไรนั่งโพสอวดสิ่งที่มีให้ชาวบ้านได้รู้ว่าตัวเองมีเหนือกว่า
เอ๊ะ! แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ใครที่อยู่ในผู้เข้าข่ายอาการหลงตัวเอง หรือเราเองกำลังเป็นคนที่หลงตัวเองอยู่หรือเปล่า วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักคนประเภทนี้กัน พร้อมไปเช็กด้วยว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงตนเองอยู่หรือป่าว?
“โรคหลงตัวเอง” โรคระบาดของคนในสังคมยุคใหม่
คนที่มีความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมั่นอกมั่นใจในตัวเองจนเกินไปก็อาจจัดอยู่ในกลุ่มของ “หลงตัวเอง”ได้ และเมื่อกลายเป็นคนหลงตัวเองแล้ว เชื่อแน่ว่าไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนแบบนี้ พวกที่หลงตัวเองต่างกับคนมีความมั่นใจในตัวเองนะคะ โดยคนพวกนี้มักให้ความสำคัญกับตนเองมากกว่าผู้อื่น และมักไม่เอาใจใส่ความรู้สึกหรือความต้องการของคนรอบข้าง รวมถึงคาดหวังว่าตนเองจะได้รับการปฏิบัติที่เหนือกว่า โดยไม่คำนึงถึงสถานะความสำเร็จที่แท้จริงของตน
และคนพวกนี้ไม่สามารถทนต่อคำวิจารณ์ของคนอื่น และมักดูถูกคนอื่นเพื่อให้รู้สึกว่าตนเหนือกว่า ผลเสียที่ตามมาก็คือ คนรอบข้างทุกคนแค่เวลานึกถึงว่าจะต้องไปเจอหรือพูดคุยด้วยกับคนเหล่านี้ก็ยังแอบเซ็ง และการที่เราจะบอกว่าใครที่หลงตัวเองบ้างนั้น ก็ดูไม่ยากเลยค่ะ ไม่ต้องใช้หลักการอะไรทั้งนั้น วัดเอาจากความรู้สึกล้วนๆ นี่แหละ เราจะสัมผัสถึงออร่าความหลงตัวเองได้จากคนที่เอาแต่พูดถึงแต่เรื่องของตัวเอง ไม่ค่อยฟังคนอื่น พูดอยู่คนเดียว ทำอะไรตัวเองจะถูกอยู่คนเดียว หรือมักจะพูดอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองแสนจะดีงาม ไม่มีอะไรที่เป็นข้อบกพร่องเลย
และมักจะไม่ค่อยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตาสักเท่าไร คนที่หลงตัวเองพวกนี้มักจะแฝงตัวอยู่ในสังคม ชอบเข้าสังคมบ่อยๆ ช่างพูด ช่างเจรจา ทำอะไรก็จะไม่ยอมให้คนอื่นเด่นกว่า ซึ่งจะมีผลเสียทางสังคมที่เป็นที่น่ารำคาญของเพื่อนฝูงและอาจจะถึงขั้นเป็นที่รังเกียจไปโดยไม่รู้ตัว ที่แย่กว่านั้นก็คือถ้าคนพวกนี้ได้รับการตอบสนองที่ดีจากคนรอบข้างก็จะยิ่งกระตุ้นให้อาการหลงตัวเองกำเริบหนักขึ้น แต่หากไม่ได้รับการตอบสนอง หรือเสียงตอบรับไม่ได้ดีแบบที่ตัวเองคิดเอาไว้ ก็จะทำให้เกิดความเครียด ความผิดหวัง คิดมาก จนอาจส่งผลให้เป็นโรคซึมเศร้าเอาได้ง่ายๆ
อาการ “หลงตัวเอง” ถ้าเป็นอยู่ จงเลิกซะ
คนเรานั้นสามารถที่จะมีความภูมิใจในตัวเองได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ก็อย่าให้มากไปจนถึงขั้นหลงตัวเอง เพราะอย่าลืมว่าการหลงตัวเองนั้นทำลายคนเก่งๆ มาเยอะแล้ว เพราะยิ่งเรารู้สึกและคิดว่าตัวเองดีและเจ๋งกว่าคนอื่นมากเท่าไร เราก็จะมองไม่เห็นหัวคนอื่น และนำมาซึ่งนิสัยชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นเสมอ เมื่อเปรียบเทียบว่าตัวเองเหนือกว่า ดีกว่าแล้ว ก็จะลามไปถึงขั้นที่ชอบตัดสินคนอื่นเพิ่มขึ้น จะมองว่าคนนั้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่เก่ง คนนั้นทำแบบนี้ไม่ดี ทำแบบนี้ก็ไม่เข้าท่า สุดท้ายจะกลายเป็นคนที่ไม่ไว้ใจใครเลย เพราะคิดว่าไม่มีใครเก่งและทำได้ดีเท่ากับตัวเอง แบบนี้จะอยู่ร่วมกับใครได้ล่ะค่ะ
ต้องไม่ลืมว่าตัวเราไม่ใช่เทวดา ที่อยู่เหนือผู้อื่น
คนที่หลงตัวเองมักจะคิดว่าตัวเองนั้นอยู่เหนือคนอื่นในทุกเรื่อง ทำตัวเหมือนเป็นเทวดาผู้ไม่เคยทำอะไรผิดพลาดเลย จะทะนงในความเก่งของตนเอง จมและติดกับความสำเร็จที่มี ทำให้กลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาไม่เป็น สุดท้ายพฤติกรรมเหล่านี้จะกลายเป็นตัวการทำลายมิตรภาพของคนรอบข้าง คิดดูดีๆ ว่า ยิ่งเราเป็นคนที่เก่งมากเท่าไร เรายิ่งควรเป็นคนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมากเท่านั้น เพราะความอ่อนน้อมนี่แหละจะเป็นตัวถ่วงน้ำหนักให้ตัวเราไม่ลอยขึ้นฟ้า ยิ่งเราเก่งมากเท่าไร ยิ่งต้องคอยระวังความหลงตัวเองที่จะเข้ามาครอบงำให้มาก ถ้าเราฉลาดและเก่งจริงต้องเอาตัวรอดจากความหลงตัวเองที่จะเข้ามาหาตัวเราให้ได้
คนหลงตัวเองก็คือ?คนแพ้ที่ตัวเอง
ท่องเอาไว้นะคะว่าคนที่เก่งจริงไม่จำเป็นต้องอวด คนที่มีไม่จำเป็นต้องบอกใคร แต่คนที่เที่ยวไปบอกใครๆ ว่าตัวเองมี นั่นแหละคือคนที่ขาด เพราะเขาเหล่านั้นต้องสร้างกำแพงป้องกันตัวเองให้คนอื่นเห็นว่าเขาไม่ขาด ซึ่งมีผลวิจัยทางจิตวิทยาระบุออกมาแล้วว่า คนที่ชอบอวด ลึกๆ แล้วคือ เขาเคยขาดสิ่งนั้น ยิ่งอวดมากเท่าไร แสดงว่าพายุในใจจากอดีตที่เคยขาดกำลังถาโถมเขาอย่างไม่มีวันสงบลง เป็นความสุขแบบปลอมๆ เท่านั้น
ที่ได้อวด ได้รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่า มีมากกว่า แต่มันก็เป็นเพียงความสุขในระยะสั้นๆ การที่เราจะเห็นคุณค่าของตัวเองนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิดค่ะ และเป็นเรื่องที่ควรทำ แต่อย่าให้มากไปจนลุกลามถึงขนาดหลงตัวเอง เพราะคนที่หลงใหลได้ปลื้มในตัวเอง คือคนที่แพ้ตัวเองตั้งแต่แรกแล้ว และคนที่แพ้แม้กระทั่งตัวเอง ก็จะทำให้แพ้ในทุกๆอย่าง ต่อให้ชนะคนเป็นร้อยเป็นพันคน แต่ถ้าแพ้ตัวเองก็ไม่มีประโยชน์อะไร
หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นคนที่สังคมรังเกียจได้
คนที่หลงตัวเองมักมีอาการหลักๆ คือจะคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดในโลก ไม่มีใครเก่งเกินตัวเอง ไม่สามารถที่จะยอมรับในความสามารถของคนอื่นได้เลย เพราะคิดว่าตัวเองเก่งกว่าและเก่งที่สุดแล้ว เวลาใครมองก็มักจะทึกทักเอาว่าตัวเองนั้นเด่นจนคนต้องมองจนเหลียวหลัง คิดว่าตัวเองเพอร์เฟ็ค ใครทำอะไรให้ก็ไม่ถูกใจ และต้องการให้คนอื่นมายกย่องชมเชยตัวเองตลอดเวลา จนเป็นที่น่าหมั่นไส้ อีกทั้งเป็นคนที่มีนิสัยเห็นแก่ตัวโฟกัสแต่ตัวเอง ชอบเอารัดเอาเปรียบและไม่เคยมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ดังนั้น คนที่หลงตัวเองมากจนผิดปกติ มักจะเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีแฟน เพราะเป็นคนที่เฝ้าแต่คิดว่าตัวเองเท่านั้นที่เลิศเลอเพอร์เฟคดีงามถูกต้องเสมอ และเหยียบย่ำดูถูกคนรอบตัวไปเสียหมด จนไม่มีใครสามารถทนอยู่ด้วยได้ เพราะจะทำอะไรแบบไร้จิตสำนึก ไม่เคยกลัวใคร และมักจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง อวดสิ่งที่มีสิ่งที่ได้ หรือเรียกง่ายๆ ว่ากร่างไปทั่ว แบบนี้ก็อยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นได้ยากค่ะ
คุณผู้อ่านลองวิเคราะห์และลองเช็กดูจากอาการคร่าวๆ ตามที่เรานำเสนอไปนะคะว่าตัวเองมีอาการเข้าข่ายคนหลงตัวเองหรือเปล่า ถ้าพบว่าตัวเองมีอยู่หลายข้อ แนะนำให้ไปทำแบบแบบทดสอบทางจิตวิทยากับจิตแพทย์เพื่อหาความชัดเจนให้ตัวเองก่อนดีกว่า เพราะอาการหลงตัวเองนั้นสามารถรักษาให้หายได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ค่อยๆ บำบัดให้อาการอยู่ในระดับที่สังคมพอรับได้ก็ยังดี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวของผู้ที่มีอาการด้วยว่าจะยอมรับว่า “เป็นคนหลงตัวเอง” หรือเปล่า เพราะหากไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่ถ้ายอมรับและรีบทำการรักษา ไม่ช้าคุณจะเลิกหลงตัวเอง ไปทางไหนก็มีแต่คนรัก เชื่อสิคะ!