เช็กอาการต่อมหมวกไตล้า ภัยเงียบของวัยทำงาน หมดไฟ อ่อนเพลียง่าย อยากกินแต่ของหวานๆ อาจเพราะต่อมหมวกไตอ่อนแอ
ต่อมหมวกไตล้า
ถ้าช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยๆ ไม่ค่อยมีแรง ไม่อยากตื่นนอนเลยในตอนเช้า แถมยังง่วงงุนในทุกบ่าย แต่ดันมาสดชื่นตอนช่วงเย็นๆ เป็นต้นไป พร้อมมีอาการซึมๆ อึนๆ มากขึ้นทุกวัน แถมบางคนยังอ้วนขึ้นเพราะติดกินหวาน กินอาหารเค็มๆ ทำให้ลดน้ำหนักไม่ลง ออกกำลังกายก็แล้วแต่ก็ยังไม่ผอม เอ๊ะ ! อาการชักแปลกๆ หรือว่าอวัยวะข้างในอย่างต่อมหมวกไตกำลังงอแง มีอาการต่อมหมวกไตล้า หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Adrenal Fatigue
ต่อมหมวกไตล้า คืออาการอะไร
ภาวะต่อมหมวกไตล้า คือ อาการผิดปกติของร่างกายโดยมีความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้น จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่ถูกลืม เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วภาวะนี้จะไม่ค่อยได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องและทันท่วงที
ทั้งนี้ต่อมหมวกไตมีหน้าที่สร้างฮอร์โมนหลายชนิด เช่น ฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนความเครียดหรือที่เรียกว่า คอร์ติซอล (Cortisol) เมื่อร่างกายเครียด ต่อมหมวกไตก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่ง พญ.ชนิดา ขวัญฐิตินันท์ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 3 อธิบายว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะถูกหลั่งออกมาเพื่อปรับสมดุลร่างกาย แต่หากร่างกายมีความเครียดอย่างต่อเนื่อง ต่อมหมวกไตก็อาจจะเกิดอาการล้าได้
ต่อมหมวกไตล้า
ต่อมหมวกไตล้า เกิดจากสาเหตุอะไร
หากจะกล่าวว่าอาการต่อมหมวกไตล้าเกิดจากความเครียดเป็นหลักก็ว่าได้ เนื่องจากเมื่อร่างกายมีความเครียดตลอดเวลา ต่อมหมวกไตจะหลั่งคอร์ติซอลออกมาเพื่อสู้กับภาวะความเครียดนั้น ซึ่งหากคอร์ติซอลหลั่งออกมามากเกินไป จะส่งผลเสียต่อร่างกาย เนื่องจากฮอร์โมนตัวนี้มีฤทธิ์ในการสลายและทำลายล้าง ทำให้ร่างกายเสื่อมและแก่เร็ว และเมื่อต่อมหมวกไตต้องหลั่งคอร์ติซอลออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ต่อมหมวกไตเข้าสู่ภาวะอ่อนล้าได้
และนอกจากความเครียดที่เกิดขึ้นทางด้านจิตใจแล้ว ทุกวันนี้เรายังมีความเครียดทางกายที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือที่เรียกว่า Physical Stress ซึ่งได้แก่
– ความเครียดจากการนอนดึก
– ความเครียดจากการไม่รับประทานอาหารเช้า
– ความเครียดที่เกิดจากการรับประทานของหวานหรือน้ำตาลมาก
– ความเครียดที่เกิดจากมลภาวะในอากาศ ในน้ำ หรือสารพิษที่เจือปนมากับอาหาร เป็นต้น
ต่อมหมวกไตล้า
ต่อมหมวกไตล้า อาการเป็นอย่างไร
เช็กอาการของภาวะต่อมหมวกไตล้าได้ ดังนี้
– ตื่นยาก ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น แม้นอนหลับเพียงพอแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า
– อ่อนเพลีย รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนทั้งวัน แอบงีบแล้วก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น
– รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นในตอนเย็น เพราะฮอร์โมนคอร์ติซอลทำงานผิดปกติ
– อยากกินของหวาน ของเค็ม รู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้กินของหวาน
ต่อมหมวกไตล้า
– ง่วงแต่นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือหลับๆ ตื่นๆ
– อารมณ์ทางเพศลดน้อยลง
– ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ
– ภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ
– ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
– ท้องผูก
– วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดเวลาเปลี่ยนท่า เพราะภาวะต่อมหมวกไตล้าทำให้ความดันโลหิตต่ำลง
– เครียด เบื่อ โกรธง่าย โมโหง่าย
ต่อมหมวกไตล้า
– ผิวแห้งและแพ้ง่าย
– ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ แม้จะคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำก็ตาม
– ความจำลดลง ขี้หลงขี้ลืม
– ไม่มีสมาธิกับสิ่งที่ทำ
– ไม่มีแรง หรือพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวัน
– ป่วยบ่อย หายป่วยช้า เพราะภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
– ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ
หากมีอาการเหล่านี้หลายๆ ข้อ มาสักระยะเวลาหนึ่ง ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติ เผื่อพบว่ามีภาวะต่อมหมวกไตล้า จะได้รักษาให้กลับมาปกติดีนะคะ
ต่อมหมวกไตล้า ตรวจได้ยังไง
นอกจากอาการของภาวะต่อมหมวกไตล้าแล้ว การวินิจฉัยภาวะต่อมหมวกไตล้ายังสามารถตรวจได้จากการตรวจเลือด เพื่อเช็กระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและฮอร์โมน DHEA ว่าอยู่ในระดับที่สมดุลหรือไม่
ต่อมหมวกไตล้า
ต่อมหมวกไตล้า รักษาอย่างไร
วิธีรักษาอาการต่อมหมวกไตล้า หลักๆ จะเป็นการปรับไลฟ์สไตล์ เพื่อลดความเครียดที่มีอยู่ โดยคำแนะนำสำหรับผู้ที่มีภาวะต่อมหมวกไตล้า มีดังนี้
1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน และควรเข้านอนให้เร็วขึ้น และเป็นเวลา
2. รับประทานอาหารเช้าก่อน 10.00 น.
3. รับประทานมื้ออาหารเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง โดยอาจจะแบ่งอาหารออกเป็น 6 มื้อ
4. ออกกำลังกายแบบปานกลาง สัปดาห์ละ 3 วัน เช่น โยคะ วิ่งจ๊อกกิ้งในสวน เพราะการออกกำลังกายที่หนักเกินไปอาจทำให้ต่อมหมวกไตล้ามากขึ้น
ต่อมหมวกไตล้า
5. คลายเครียดด้วยการไปเที่ยวพักผ่อน หรือหางานอดิเรกทำ
6. ฝึกควบคุมลมหายใจเข้า-ออก หรือนั่งสมาธิ
7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นรับประทานโปรตีนให้มากขึ้น และลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล
8. ลดการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
9. แพทย์อาจให้วิตามินเพื่อช่วยลดการอักเสบของร่างกาย
10. รักษาด้วยการให้ยาหรือฮอร์โมนตัวอื่นๆ เพื่อเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต
ทั้งนี้การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้าให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งผู้ป่วยเองก็ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายกลับมาสดชื่น แข็งแรง และเป็นปกติในเร็ววัน