อากาศที่ร้อนระอุในเมืองไทยนั้นส่งผลให้การใช้ชีวิตในบ้านของหลายๆ ครอบครัวต้องทุกข์ทนกับอุณหภูมิที่สูงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในหน้าร้อนแล้ว ถ้าหากไม่มีเครื่องปรับอากาศก็คงจะอยู่ลำบากไม่น้อยเลย
แต่เราสามารถช่วยคลายร้อนให้บ้านได้ด้วย ไม้เลื้อยสำหรับทำซุ้มบังแดด ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นพืชที่เลี้ยงง่ายและโตไวอยู่แล้ว ซึ่งคราวนี้เราก็มีมาแนะนำให้ชาวเว็บถึง 10 ชนิดด้วยกัน นอกจากจะให้ร่มเงาแล้ว ยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รอบๆ บ้านอีกด้วยนะ ลองมาดูกันเลยครับ
1. ต้นถั่วฝักยาว
ลักษณะทั่วไป : พืชไม้เลื้อยตระกูลถั่ว ที่ให้ร่มเงาด้วยใบกว้าง และใน 1 ช่อใบประกอบไปด้วย 3 ใบ ดอกมีสีอมม่วงและมีฝักไว้ให้เก็บกิน
วิธีปลูก : นำเมล็ดพันธุ์ที่ได้ไปแช่น้ำแล้วเลือกเมล็ดที่จมและมีสภาพสมบูรณ์ไปปลูก ผสมดินร่วนกับปุ๋ยหมักแล้วขุดหลุมหย่อนเมล็ด ฝังกลบให้เรียบร้อย เมื่อต้นเริ่มขึ้นให้จัดการถอนต้นที่ไม่แข็งแรงทิ้งไป ดูแลรักษาด้วยการรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะเพียงวันละ 1 ครั้งเท่านั้น มิเช่นนั้นจะทำให้เกิดโรคราได้ นอกจากนี้อย่าลืมควบคุมความชื้นให้เหมาะสมด้วย
2. ต้นคอนสวรรค์
ลักษณะทั่วไป : ต้นคอนสวรรค์ หรือ ดาวนายร้อย จัดเป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเพียง 1 ปี เมื่อออกดอกแล้วต้นก็จะแห้งเหี่ยวไปเอง ใบมีลักษณะเป็นแฉกขนาดเล็ก เลื้อยพันกันคล้ายม่านโปร่งแสง ผิวลำต้นเกลี้ยง ดอกมีลักษณะเป็นช่อรูปดาว ออกดอกตามง่ามใบให้สีสันสวยงามทั้ง แดง ชมพู และขาว มีผลสีน้ำตาลคล้ายไข่ ตลอดทั้งต้น
วิธีปลูก : นำเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์มาปลูกลงในหลุมดินร่วนไว้ตื้นๆ ทำหลักปักไว้ด้านข้างตามแนวทางที่จะทำซุ้มได้เลย ดูแลรักษาด้วยการรดน้ำปานกลางทั้งเช้าและเย็น ปลูกไว้ในที่ที่มีแดดเพราะเป็นพืชที่ชอบแดดมาก
3. ต้นจันทร์กระจ่างฟ้า
ลักษณะทั่วไป : เป็นพรรณไม้เลื้อยที่มีลำต้นอ่อน ใบเป็นรูปวงรีกว้าง 4-7 เซนติเมตร มีสีเขียวสดขอบมนสลับกันในก้าน ออกดอกตลอดทั้งปี ดอกมีสีเหลืองสดคล้ายรูปแตรและขึ้นตามซอกใบ เจริญเติบโตเร็วภายใน 2 เดือน เหมาะกับการทำซุ้มกันแดดในสวนหรือจะตัดแต่งให้เป็นทรงพุ่มก็ยังได้
วิธีปลูก : ให้เลือกใช้วิธีการปักชำและตอนกิ่งลงในดินชนิดใดก็ได้ เนื่องจากเป็นพืชที่เลี้ยงง่ายไม่มีโรคและศัตรูพืชที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ให้ปลูกลงในกระถางที่มีโครงเหล็กครอบไว้ เพื่อจัดทิศทางให้ต้นไม้เลื้อยขึ้นไปด้านบนเพื่อทำซุ้มหรือม่านกันแดดที่ระเบียง รดน้ำปานกลางเพราะไม่ต้องการความชื้นมากเกินไป
4. ต้นพวงแสด
ลักษณะทั่วไป : พวงแสดเป็นไม้เลื้อยที่มีเถาขนาดใหญ่ สามารถทนร้อนและแล้งได้เป็นอย่างดี ออกใบย่อยมีรูปร่างเป็นวงรีคล้ายไข่ ปลายใบแหลมและมีขนาดเล็ก ดอกมีสีส้มอมเหลือง ใน 1 ช่อดอก จะมีดอกอยู่ประมาณ 10 ดอกขึ้นไป ปลายดอกม้วนงอสวยงาม ออกดอกในช่วงฤดูหนาว
วิธีปลูก : ให้นำกิ่งของพวงแสดมาปักชำลงในหลุมดินร่วนที่มีปุ๋ยหมักรองอยู่ด้านล่าง กว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ลึก 30 เซนติเมตร เอาดินกลบ รดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ ชอบแดดจัด แต่เมื่อไรที่ต้นเริ่มแข็งแรงดีแล้วแนะนำให้งดเว้นการรดน้ำลงมาบ้าง วันเว้นวันก็ยังดี ไม่มีเรื่องโรคและแมลงมากวนใจแถมยังเลี้ยงง่ายอีกต่างหาก
5. ต้นใบระบาด
ลักษณะทั่วไป : ไม้มงคลที่มีความเชื่อว่ายิ่งเลี้ยงให้แตกใบได้มากเท่าไร เงินทองก็จะไหลมาเทมามากเท่านั้น เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ลำต้นจะแข็งแรง มีใบกว้างขนาด 12 เซนติเมตรขึ้นไป ลักษณะคล้ายรูปหัวใจสีเขียวเข้ม ใต้ใบมีขน ออกดอกเป็นช่อ ปลายดอกมีลักษณะคล้ายปากแตร สีม่วง มีผลเล็กๆ ทรงกลมสีน้ำตาล
วิธีปลูก : ก่อนลงมือปลูกใบระบาดแนะนำให้ทำโครงซุ้มเตรียมรอเอาไว้ได้เลย ปลูกด้วยวิธีการปักชำลงในหลุมดินที่ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักขนาดลึก 30 เซนติเมตร ดูแลรักษาด้วยการรดน้ำปานกลางทุกวัน ชอบแดดจัด ไม่ค่อยมีโรคแต่อาจจะต้องเผชิญปัญหาเพลี้ยบ้าง แค่ดูแลความสะอาดบริเวณต้นให้ดีก็พอ
6. ต้นม่านบาหลี
ลักษณะทั่วไป : พืชชนิดนี้จัดว่าเป็นไม้เลื้อยที่มีรากอากาศห้อยลงมาคล้ายม่าน สามารถใช้รากบังแดดและสร้างบรรยากาศในสวนได้เป็นอย่างดี ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจปลายแหลม ออกดอกเป็นช่อสีขาวอมเหลือง ม่านหรือรากของมันจะมีชมพูในตอนแรกๆ แต่เมื่อต้นเริ่มแข็งแรงเต็มที่แล้วรากก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เป็นไม้เลื้อยที่เจริญเติบโตเร็วมาก
วิธีปลูก : ใช้วิธีการปักชำกิ่งลงในกระถางดินร่วน ไม่นานรากใหม่ก็จะแตกออกมาเพื่อรอเลื้อยขึ้นไปพันซุ้มที่เตรียมไว้นั่นเอง รดน้ำเพียงวันละ 1 ครั้ง หมั่นตัดแต่งรากและต้นให้อยู่ในพื้นที่ที่เรากำหนดไว้ ที่สำคัญต้องไม่ปล่อยให้รากยาวลงไปโดนน้ำที่พื้นเพราะจะทำให้เน่าได้
7. ต้นลดาวัลย์
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้เลื้อยที่ไม่ผลัดใบเหมาะกับบ้านที่ไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาดเท่าไรนัก ใบมีสีเขียวเข้มรูปหัวใจขึ้นซ้อนกันเป็นพุ่มหนา ออกดอกเป็นช่อสีขาวบานใหญ่คล้ายหิมะตามซอกใบไปทั่วทั้งต้น ส่งกลิ่นหอมในตอนเช้า
วิธีปลูก : การปักชำถือว่าเป็นวิธีที่ดีสุด ฉะนั้นควรจะเลือกกิ่งที่ดูแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป ปลูกลงในหลุมดินร่วนลึกประมาณ 30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก กลบดินแล้วรดน้ำให้ชุ่มและเปลี่ยนมารดน้ำปานกลางวันละ 2 ครั้ง เป็นไม้เลื้อยที่ชอบแดดจัดและไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลงให้ยุ่งยาก
8. ต้นดอกขจร หรือ ดอกสลิด
ลักษณะทั่วไป : เป็นอีกหนึ่งผักสวนครัวประเภทไม้เลื้อยที่เราเลือกมาปลูกเพื่อทำซุ้มบังแดดได้ เถาเลื้อยมีสีเขียว ตอนต้นยังอ่อนและเมื่อต้นเริ่มแก่เถาจะกลายเป็นสีน้ำตาล ใบเป็นหัวใจกว้าง 5 เซนติเมตร และยาวมากสุดได้ถึง 11 เซนติเมตร ส่วนดอกนั้นจะออกเป็นช่อรวมกันเป็นพวงตามซอกใบ ดอกมีสีเหลืองและส่งกลิ่นหอม เป็นวัตถุดิบที่อยู่คู่คนไทยมาเนิ่นนาน
วิธีปลูก : ให้ใช้วิธีการปักชำโดยการนำกิ่งชำที่สมบูรณ์มาฝังในดินร่วนที่รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก ความลึกหลุมประมาณ 30 เซนติเมตร กลบดิน รดน้ำทุกวันให้ชุ่มแต่อย่าแฉะ และเมื่อผ่าน 2 สัปดาห์แรกรดน้ำวันเว้นวันก็พอ แต่ต้องระวังอย่าให้มีน้ำขังบริเวณโคนต้นเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจจะเกิดโรครากเน่าและปัญหาเพลี้ยไฟตามมา
9. ต้นการเวก
ลักษณะทั่วไป : จัดว่าเป็นไม้เถาเลื้อยประเภทเดียวกับสายหยุดที่มีขนาดใหญ่ ตามเถาจะมีมือยื่นออกมาเกาะพัน ใบมีสีเขียวเข้มและกว้าง-ยาว ออกสลับกันตามเถาเป็นพุ่มหนาแน่น ดอกมีสีเหลือง มีกลีบ 3 กลีบ ลักษณะดอกจะแข็งและส่งกลิ่นหอมในเวลาเย็นถึงค่ำ เติบโตได้รวดเร็วถ้าปลูกด้วยวิธีการตอนกิ่ง
วิธีปลูก : ให้นำกิ่งตอนที่สมบูรณ์และมีรากงอกมาปลูกลงในหลุมดินร่วนปนทราย รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก กลบดิน และรดน้ำให้ชุ่มแต่อย่าแฉะวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็นแค่ในช่วงแรกเท่านั้น เมื่อต้นเริ่มแข็งแรงให้รดเพียงวันละ 1 ครั้ง ในตอนเช้า เป็นพืชที่ไม่ค่อยมีเรื่องโรคและแมลงให้ต้องกังวล
10. ต้นเล็บมือนาง
ลักษณะทั่วไป : เป็นไม้เถาเนื้อแข็งที่คนรักสวนนิยมนำไปปลูกมากที่สุดชนิดหนึ่ง สามารถเลื้อยได้ไกลถึง 10 เมตร ใบมีลักษณะเรียวยาวคล้ายรูปวงรี แตกใบออกตรงข้ามกันเป็นคู่ขนานหนาทึบช่วยกันแดดได้ดี ออกดอกเป็นช่อใน 1 ช่อ จะมีหลายดอกถ้าดอกที่ยังอ่อนจะมีสีชมพู แต่ถ้าเริ่มแก่ก็จะเป็นสีชมพูเข้มออกแดง ส่งกลิ่นหอมชื่นใจ และเจริญเติบโตรวดเร็ว
วิธีปลูก : ให้ปลูกด้วยวิธีการปักชำกิ่ง และนำมาปลูกลงในดินร่วน รดน้ำให้ชุ่มในช่วงแรกๆ เพียงเท่านี้ต้นก็จะเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เป็นพืชที่ไม่มีค่อยมีโรคแต่อาจจะมีเพลี้ยไฟให้เห็นบ้าง ดังนั้นต้องดูแลตัดแต่งพุ่มให้สวยงามและเก็บกวาดเศษซากที่หล่นให้สะอาดสะอ้านก็พอ