เงินเดือนไม่พอใช้ ทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาได้ ได้เวลาหาทางออกที่ยั่งยืนกันแล้ว
ในสังคมที่ค่าครองชีพสูงขึ้น และสภาพเศรษฐกิจฝืดเคือง หนึ่งปัญหาที่หลายๆ คนเจอไม่ว่าจะเป็นคนที่มีเงินเดือนมาก หรือแม้แต่คนที่มีเงินเดือนน้อยนิด ก็คือปัญหาเงินเดือนไม่พอใช้ และหมุนเงินไม่ทัน ทำให้หลายๆ คน ต้องลงเอยด้วยการหยิบยืมจนหนี้สินพอกพูนเหมือนดินพอกหางหมู กว่าจะรู้สึกตัวว่าหนี้สินนั้นมากมายจนไม่สามารถจ่ายคืนไหว อย่าปล่อยให้ปัญหาเหล่านี้กลายเป็นสิ่งบั่นทอนชีวิต ในเมื่อเราสามารถจัดการอย่างยั่งยืนได้ ด้วยวิธีที่เราจะหยิบมาแนะนำกันในวันนี้ ในเมื่อเงินเดือนไม่พอใช้ เราก็ต้องมาปรับปรุงวินัยการเงินและสร้างโอกาสทางการเงินกันด้วยตัวเองค่ะ
1. ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้รายได้ของเราไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย ก็เป็นเพราะว่าคุณใช้เงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นค่ะ ฉะนั้นถ้าอยากลดปัญหาเงินเดือนไม่พอใช้ ก็แค่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อย่างเช่น ลดการกินข้าวนอกบ้านลง หรือหยุดการช้อปปิ้งในสิ่งที่ไม่จำเป็น บางทีอาจจะทำให้คุณมีเงินเหลือมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ
2. หยุดนำเงินอนาคตมาใช้
หลายคนแก้ปัญหารายได้ไม่พอใช้ด้วยการกู้หนี้ยืมสิน หรือกดเงินสดจากบัตรต่างๆ ออกมาใช้ แต่ก็อย่าลืมว่าเงินที่ได้มาจากการหยิบยืมเป็นเงินอนาคตที่ยังไงเราก็ต้องใช้คืน และการที่ต้องมาจ่ายคืนหนี้สินก็ยิ่งทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพมากขึ้นไปอีก ดังนั้นหากถ้าคุณคิดจะแก้ปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง คุณควรหยุดการเพิ่มหนี้สิน และพึงจดจำให้ขึ้นใจว่า มีน้อย ใช้น้อย ดีที่สุดค่ะ
3. หารายได้เสริม
ในเมื่อรายได้ประจำของเราไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายต่อเดือน แม้ว่าจะตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นแล้วก็ยังรู้สึกว่าการเงินในแต่ละเดือนฝืดเคืองเสียเหลือเกิน สิ่งที่ควรทำก็คือการหารายได้เสริม การเพิ่มพูนรายได้ด้วยอาชีพเสริมเป็นตัวช่วยที่ดีไม่น้อย แค่เพียงนำความรู้หรือความสนใจที่มีมาใช้ให้เป็นประโยชน์เท่านั้นเอง ไม่แน่นะว่าทำๆ ไปแล้วอาจจะรุ่งกว่ารายได้ประจำที่ได้รับอยู่ก็ได้ ถ้าหากยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรเป็นรายได้เสริม ก็ลองมาดูไอเดียเด็ดๆ ที่เราหยิบมาแนะนำกันเลย
4. ประหยัดค่าใช้จ่ายบางอย่างลง
หากการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปแล้วก็ยังพบว่ารายได้ที่มียังไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย ลองหันกลับมามองในแต่ละเดือนดูว่ามีค่าใช้จ่ายใดบ้างที่สามารถลดลงได้อีก เช่น ค่าเดินทาง หากเป็นคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว ก็เปลี่ยนมาขึ้นรถสาธารณะบ้าง อย่างรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือเรือโดยสารบ้าง ถ้าใครที่ชอบขึ้นแท็กซี่บ่อยๆ ก็เปลี่ยนมานั่งรถเมล์บ้าง ก็จะลดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อยเลย และถ้าหากเป็นคนที่รับประทานอาหารนอกบ้านอยู่บ่อยๆ ก็หันมาทำอาหารรับประทานเอง ห่ออาหารกลางวันไปกินที่ทำงาน แม้ว่าอาจจะลดค่าใช้จ่ายได้ไม่มาก แต่ก็บอกได้เลยว่าเงินเหลือเพิ่มขึ้นแน่
5. หาทางปลดเปลื้องหนี้สินที่มี
สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องเงินเดือนไม่พอใช้ นอกจากการตัดค่าใช้จ่าย และการหารายได้เสริมแล้ว คุณก็ควรหันมามองในเรื่องของหนี้สินด้วย เพราะหนี้สินก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณพบกับปัญหาทางการเงิน โดยคุณควรรีบหาทางปลดเปลื้องหนี้สินให้เร็วที่สุด ซึ่งวิธีที่จะจัดการกับหนี้สินก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น การกู้สินเชื่อส่วนบุคคลมาปลดหนี้สินต่างๆ และรวมให้หนี้สินเหล่านั้นกลายเป็นหนี้สินก้อนเดียวกัน
ทั้งนี้หากคุณมีหนี้สินเรื่องบัตรเครดิตด้วย ก็ควรจะรีบจัดการให้เร็วที่สุด เพราะดอกเบี้ยของหนี้บัตรเครดิตเรียกได้ว่าโหดสุดๆ ยิ่งถ้ามีหลายใบ ก็ควรเลือกสะสางหนี้บัตรเครดิตใบที่มีดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน หลังจากนั้นหากหนี้บัตรเครดิตยังไม่หมด การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็เป็นวิธีที่น่าสนใจ เพราะดอกเบี้ยต่ำกว่า แถมยังช่วยให้คุณรวบรวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดไว้ด้วยกัน ไม่ต้องผ่อนทางนี้ทางนั้นทีให้เสียดอกเบี้ยเยอะๆ ค่ะ
6. จัดสรรรายได้ให้เป็นระบบ
หลังจากปลดหนี้สินและตัดค่าใช้จ่ายบางตัวที่ไม่จำเป็นแล้ว ได้เวลาที่เราต้องกลับมามองรายได้ที่มีอยู่ ถ้าคิดว่าเราไม่สามารถควบคุมเงินในมือให้เป็นไปตามที่คาดหวังได้ด้วยตัวเอง เราก็ต้องมีตัวช่วยเข้ามาเสริม อย่างเช่น ลองกำหนดดูว่าในแต่ละวันเราควรใช้เงินเท่าไร แล้วแบ่งใช้ตามนั้น ที่สำคัญคือ ควรจะแบ่งเงินสำหรับเก็บออมด้วย โดยเมื่อเงินเดือนออกควรจะแบ่งเก็บเข้าบัญชีออมทรัพย์แยกต่างหากไปเลยอย่างน้อยเดือนละ 5-10% ของรายได้ต่อเดือน หรือจะใช้ทฤษฎีการบริหารเงินแบบ 6 โหล ดูก็ได้ จะช่วยให้การเงินของคุณเป็นระบบมากขึ้น
7. จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย
การจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย เป็นวิธีจัดระบบการใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะจะทำให้เราเห็นตัวเลขรายได้และค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนในแต่ละเดือน แล้วจะรู้ทันทีว่าเราใช้เงินไปกับเรื่องไหนมากเกินไปหรือเปล่า อะไรที่ทำให้เงินไม่พอใช้ ซึ่งนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปลี่ยนแปลงหากมีปัญหารายได้ไม่เพียงพอ
8. หยุดฝากอนาคตทางการเงินไว้กับการเสี่ยงโชค
ไม่ว่าจะหวยใต้ดิน ลอตเตอรี่ หรือการเสี่ยงโชคใดๆ ก็ตามที่คุณคิดว่าแค่เล็กน้อย แต่ขอบอกว่านั่นล่ะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณหมดเนื้อหมดตัวได้ง่ายๆ หยุดคิดเรื่องการฝากอนาคตไว้กับดวงเดี๋ยวนี้เลย เพราะโอกาสที่คุณจะดวงดีน่ะไม่ได้มีง่ายๆ เลย แทนที่จะเอาเงินไปทุ่มกับดวง แนะนำว่าให้เก็บเงินเหล่านั้นไว้ใช้จะดีกว่า หรือถ้าอยากให้ได้ประโยชน์มากขึ้นก็เก็บสะสมเป็นเงินเก็บในบัญชีเงินฝาก ไม่มีความเสี่ยง แถมยังมีดอกเบี้ยเล็กๆ น้อยๆ พอกพูนขึ้นอีกด้วย
9. เริ่มต้นลงทุน
ในยุคนี้การฝากเงินออมทรัพย์ในธนาคารคงไม่ใช่ทางออกของคนที่อยากได้ผลตอบแทนสูงอีกแล้ว เพราะดอกเบี้ยที่ได้รับไม่เกิน 1% ต่อปีนั้นช่างน้อยนิด ถ้าอยากมีเงินเก็บมากขึ้นคงต้องมองหาทางเลือกอื่น เช่น การนำเงินไปลงทุนในแผนการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อย แต่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ เช่น กองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ เงินฝากประจำแบบปลอดภาษี หรือเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง แม้ว่าในเริ่มแรกอาจจะไม่ได้ช่วยให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นแต่จะเห็นผลในระยะยาว และยังช่วยเพิ่มความมั่นคงในอนาคต
แต่ถ้าใครยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้นหน่อย อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น หรือกองทุนแบบผสม ซึ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็ต้องระวังไว้ว่ามีโอกาสขาดทุนได้ไม่ต่างกัน หรือถ้าใครมีภาระต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่แล้ว การเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจนะคะ เพราะบังคับให้เราต้องเก็บเงินไว้อย่างน้อย 5 ปี แถมยังช่วยลดหย่อนภาษีได้ด้วย
10. มองหาโอกาสที่ดีกว่า
อย่างที่ทราบกันดีกว่า โอกาสไม่ได้ลอยมาหาเราง่ายๆ แต่เราจะต้องไปขวนขวายหากันเอาเอง และเรื่องการเงินก็เช่นกัน ในเมื่อเงินเดือนของเราไม่พอใช้ เราก็ควรสร้างโอกาสในการเพิ่มพูนรายได้ของตัวเอง อย่างเช่น การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หรือการเรียนต่อเพื่อเพิ่มฐานเงินเดือนให้กับตัวเองในกรณีบริษัทพิจารณาเงินเดือนจากวุฒิการศึกษา นอกจากนี้การแสวงหาความก้าวหน้าในการงานก็เป็นอีกวิธีในการเพิ่มพูนรายได้เช่นกัน เพราะยิ่งตำแหน่งสูงขึ้นก็ยิ่งมีเงินเดือนมากขึ้นค่ะ
เห็นไหมล่ะว่าการแก้ไขปัญหาทางการเงินที่เงินเดือนไม่พอใช้จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด อยู่ที่ว่าคุณพร้อมที่จะเริ่มต้น และตั้งใจจริงหรือเปล่า แม้ว่าอาจจะไม่ช่วยให้คุณมีเงินมากขึ้นแบบทันทีทันใด แต่ก็ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้ ฉะนั้นลุกขึ้นจากปัญหาแล้วมองหาทางออกกันดีกว่า รับรองว่าทางออกที่ดีรออยู่ไม่ไกลแน่นอน