พอเงินเดือนออก หลายๆคนมีแผนจะซื้อนู่นทำนี่ไปกินนั้น มารู้ตัวอีกที เงินในปัญชีหมดซะแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่หมดเดือนเลย หลายคนมีหลายวิธีในการเอาชีวิตรอดให้ได้ภายในหนึ่งเดือน หรือบางคนมี บัตรเครดิต มีสินเชื่อส่วนบุคคล สามารถเบิกเงินมาจ่ายได้ แต่ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมและเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ บอกเลยจะเดือนไหนๆ คุณก็เป็นหนี้จนเกินตัวแน่นอน !
1. รายจ่ายมากกว่ารายรับ
รายรับ คือ เงินที่เราได้รับมาจากการทำงาน จากการขายของ หรือจากอะไรๆก็ตาม จำนวนรายได้จะมากเท่าไหน แต่ถ้ารายจ่ายของคุณมากกว่ารายได้ สภาพการเงินของคุณจะเป็นอย่างไรเงินเดือนของคุณก็จะหมดไปน่ะสิ
ดังนั้น คุณควรจดบันทึกรายรับรายจ่ายของคุณซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ควรทำเป็นสม่ำเสมอ เพื่อที่คุณจะได้ทราบว่าในแต่ละเดือนคุณใช้จ่ายไปกับอะไรบ้าง แล้วอะไรบ้างที่คุณสามารถตัดออกได้และคุณควรจัดสรรค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหารายจ่ายมากกว่ารายได้ เพราะถ้าหากคุณไม่แก้ไข พฤติกรรมรายจ่ายมากกว่ารายได้มีหวังคุณได้ยืมเงินเพื่อนแน่นอน เป็นหนี้เพื่อน หรืออย่างเก่งก็แค่เดือนชนเดือน เงินเก็บไม่มีแน่นอน ดังนั้นปรับปรุงพฤติกรรมซะ คุณจะได้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น
2. ใช้บัตรเครดิต จนลืมนึกถึงรายได้ของตัวเอง
การมีบัตรเครดิตก็มีข้อดีในการช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องพกเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก แต่ข้อเสียของบัตรเครดิตก็มีเช่นกัน ถ้าหากคุณเป็นคนพกบัตรเครดิตตลอดเวลา แล้วถ้าคุณมีพฤติกรรมแบบข้อแรก รับรองว่า คุณเป็นหนี้เกินตัวแน่นอน เพราะยิ่งคุณเป็นคนใช้จ่ายเก่งและคุณมีบัตรเครดิต ซึ่งวงเงินในบัตรเครดิตของคนส่วนใหญ่ก็จะมีวงเงินต่ำสุดที่ 30,000 บาท แต่อย่าลืมว่า *การใช้บัตรเครดิตก็เปรียบเหมือนการยืมเงินมาจ่ายก่อน ไม่ใช่เงินของตัวเอง* คุณต้องไปจ่าย ค่าบัตรเครดิตค่าดอกเบี้ยถ้าคุณไม่ไปเสียตามที่ธนาคารกำหนด คุณก็สามารถ ติดหนี้บัตรเครดิต ได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น คุณควรเปลี่ยนพฤติกรรม คุณควรวางแผนการใช้จ่ายเงินให้ดี การมีบัตรเครดิตก็มีข้อดีและข้อเสียของมัน ดังนั้นคุณควรใช้บัตรเครดิตให้เป็น เพื่อไม่เพิ่มภาระทางการเงินกับตัวคุณเอง
3. สินเชื่อของ่าย จ่ายเร็ว
การทำสินเชื่อทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน จะขอเงินได้ง่ายมากกว่าการทำบัตรเครดิตเนื่องจาก สินเชื่ออนุมัติเร็วได้เงินก้อน ถ้าคุณทำสินเชื่อรถคุณก็ต้องผ่อนจ่ายทุกงวดพร้อมดอกเบี้ย เพื่อคุณจะได้รถคืนมา แต่หากคุณมีพฤติกรรมเช่นข้อแรก คือใช้จ่ายเกินรายได้ หากคุณได้สินเชื่อรับรองว่าคุณก็ใช้จ่ายเร็วเช่นกัน และถ้าคุณเป็นหนี้สินเชื่อ รถที่คุณนำไปเป็น หลักประกัน อาจโดนยึด ซึ่งจะร้ายแรงกว่าบัตรเครดิตเพราะ คุณยังเป็นหนี้ และยังโดนยึดทรัพย์อีกด้วยเพราะฉะนั้นคุณควรปรับปรุงพฤติกรรมการใช้เงินของคุณซะ
4. จ่ายตอนนี้จนไม่ห่วงอนาคต
การใช้จ่ายโดยไม่คิดถึงเรื่องในอนาคตเป็นเรื่องที่ผิด เพราะคุณอย่าลืมคนที่อยู่ข้างหลังคุณ พ่อแม่และลูกของคุณคุณควรออมเงินไว้ในอนาคต เผื่อไว้ในส่วนนี้ด้วย ทั้งค่าเล่าเรียนของลูกคุณค่าพยาบาลดูแลรักษาพ่อแม่ของคุณ หากคุณไม่แบ่งรายได้มาในส่วนนี้ ในอนาคตข้างหน้าคุณก็ต้องไปกู้ยืมเงินจากธนาคารมาเพื่อจ่ายในส่วนนี้อย่างแน่นอน หรือถ้าคุณมีความจำเป็นต้องการเงินด่วนมากๆ คุณอาจต้องไปกู้เงินนอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงมากๆถึงเวลานั้นคุณอาจเป็นหนี้จนเกินตัว
5. ใช้จ่ายจนไม่สำรองสำหรับเหตุฉุกเฉิน
หากคุณใช้เงินโดยไม่เผื่อเหลือไว้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินทั้งเรื่องสุขภาพ คุณหรือคนในบ้านเจ็บป่วยกระทันหัน เกิดอุบัติเหตุ หลังคาบ้านรั่ว รถเสีย คุณไม่มีเงินสำรองจ่ายในส่วนนี้หรือจู่ๆคุณเกิดล้มป่วย ไม่สามารถไปทำงานได้เกือบเดือน ทำให้คุณขาดรายได้หลักไป แต่คุณก็ไม่มีเงินสำรองจ่าย เราเชื่อว่าคุณจำเป็นต้องทำเรื่องกู้เงิน และอาจเกิดปัญหาหนี้เกินตัวตามมาได้เช่นกัน
6. จ่ายค่าประกันเกินรายได้
หากคุณมีความสนใจจะทำประกัน ทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ เพื่อความมั่นใจ เพื่อความปลอดภัย ไว้หลายกรมธรรม์ แต่คุณกลับลืมดูว่ารายได้ของคุณ ไม่สามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันเหล่านี้ ทีนี้คุณก็ต้องดิ้นรนหาเงินมาเพื่อจ่ายค่าประกัน เงินเดือนของคุณก็คงไม่ไหว เพราะยังมีค่าใช่จ่ายในชีวิตประจำวันอีก แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าประกันล่ะ คุณอาจต้องไปกู้หรือทำบัตรเครดิต ทำสินเชื่อเพื่อนำเงินส่วนนั้นมาหมุน ถ้าเป็นไปได้คุณควรสำรวจรายได้ของคุณเสียก่อน ว่าสามารถจ่ายได้เท่าไหร่ และไม่เดือดร้อนกับรายได้ของคุณ อาจช่วยลดปัญหาหนี้สินเกินตัวได้