เทรนสีผมเปลี่ยนกันอยู่บ่อยๆ สาวๆก็มักจะเปลี่ยนสีผมตามกระแสไปเรื่อยๆ เทรนสีนี้มา ก็เปลี่ยนตามเทรน บางคนย้อมได้ไม่ถึงเดือนสีเริ่มหลุดก็ย้อมต่อเลย ถึงแม่หลายคนจะมองว่าสวยงามแต่ว่า ก้ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพนะจะบอกให้ นอกจากสุขภาพผมจะแย่แล้วสุขภาพร่างกายก็แยาตามไปด้วย เพราะการที่ใช้ติดต่อกันต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เสียสุขภาพไม่น้อยใครที่ชอบย้อมผมต้องระวังกันให้มากขึ้นนะจ๊ะ จะไม่อันตรายต่อเมื่อเราเลือกน้ำยาย้อมผมที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับหนังศรีษะ
ภาพจาก pixabay.com
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า น้ำยาย้อมผมแบบถาวร ซึ่งใช้สารเคมีล้วนๆ มาฟอกเม็ดสีผมเดิมออกแล้วใส่สารเคมีที่ทำให้เกิดสีใหม่ลงไป เป็นประเภทได้รับความนิยมใช้มากที่สุด แต่น้ำยาย้อมสีผมประเภทนี้ ทำให้หนังศีรษะดูดซึมเอาสารเคมีไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนมีอาการระคายเคืองน้อยถึงมาก ซึ่งหลายคนมักคิดว่าการย้อมผมเสี่ยงเฉพาะผิวหนังศีรษะอักเสบและมะเร็งหนังศีรษะ
ภาพจาก pixabay.com
ทั้งนี้ ทางด้านองค์กรอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาและองค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ ได้ให้ความเห็นว่ายังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะสรุปว่ายาย้อมผมจะทำให้เกิดมะเร็งได้จริงจึงยังไม่มีการประกาศหยุดการจำหน่าย แต่ทั้ง 2 องค์กรยังคงเฝ้าระวัง และติดตามงานวิจัยด้านนี้อย่างต่อเนื่อง จนองค์การอาการและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาได้เผยผลการศึกษาทบทวนรายงานทางการแพทย์จำนวน 79 รายงานทั่วโลกในปี 2548 พบว่าการใช้ยาย้อมผมเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin lymphoma)1.15 เท่า มะเร็งเต้านม 1.06 เท่า และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 1.01 เท่า เมื่อมีผลรายงานในครั้งนี้ออกมา ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าสีย้อมผมจะเป็นอันตรายหรือไม่ หากอยากปลอดภัยและลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และไม่ได้เป็นคนตามเทรนด์แฟชั่น หรือกังวลกับผมหงอก ก็ควรงด ลด การย้อมสีผม
ภาพจาก pixabay.com
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องทำสีผมจากแพทย์
1. เลือกน้ำยาย้อมสีผมที่ไม่มีอันตรายรุนแรงเช่น ไม่มีส่วนผสมของเกลือ หรือสารเคมีที่อันตรายอย่างสารตะกั่ว และปรอทเป็นส่วนประกอบหลัก
2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากได้รับการอนุญาตจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) หรือควรเลือกซื้อตามร้านจำหน่ายที่สะอาดและปลอดภัยไว้ใจได้
3. ไม่ควรย้อมสีผมบ่อยเกินปีละ 9 ครั้ง เพราะมีการวิจัยแล้วว่าอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้
4. ห้ามใช้ในกลุ่มของผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ หรือผู้ที่เป็นมะเร็งอยู่แล้ว
5. ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ควรทดสอบการแพ้ก่อนในเบื้องต้นและควรอ่านฉลากและวิธีการใช้งาน ข้อควรระวัง ให้เข้าใจอย่างที่ถ้วน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ภาพจาก pixabay.com
ภาพจาก pixabay.com
ภาพจาก pixabay.com