การคุมกำเนิดในปัจจุบันค่อนข้างที่จะมีหลายวิธี แตกต่างจากสมัยก่อนค่อนข้างมาก วันนี้ GangBeauty เลยขอมาแนะนำอีก 1 วิธี ที่สาวๆหลายคนยังไม่ค่อยรู้จัก และหลายๆคนไม่กล้าใช้ นั้นก็คือ “ห่วงคุมกำเนิด” หรือ “ห่วงอนามัย” ตามไปดูกันเลย
ห่วงอนามัย หรือ ห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine device) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ไอยูดี (IUD) เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ชิ้นเล็กๆ ที่มีไว้สำหรับใส่เข้าไปในโพรงมดลูกของสตรี เพื่อทำให้สภาพในโพรงมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน จึงใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ชั่วคราวได้ดี
[การทำงานของห่วงอนามัย]
:การทำงานของห่วงอนามัยนั้นไม่ใช่การป้องกันการฝังตัวของตัวอ่อนเท่านั้น หากแต่เกิดจากการที่มีวัสดุแปลกปลอม (ห่วงอนามัย) เข้าไปอยู่ในโพรงมดลูก และทำให้เกิดการกระตุ้นกระบวนการอักเสบภายในร่างกาย ซึ่งกระบวนการเหล่านี้เป็นพิษต่อตัวอสุจิและขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อน
นอกจากนี้ในห่วงอนามัยชนิดฮอร์โมนนั้น จะเป็นการเพิ่มกลไกการหนาตัวของมูกบริเวณปากมดลูกเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของอสุจิ อสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปผสมกับไข่ได้ ทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกบางลงจนไม่เหมาะสำหรับการฝังตัวอ่อน เพิ่มการแสดง glycoderlin A ที่ต่อมบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งช่วยยับยั้งการจับตัวของอสุจิที่ผนังของไข่อีกด้วย และฮอร์โมนโปรเจสตินยังส่งผลต่อการยับยั้งการตกไข่ได้ประมาณ 25%
ส่วนห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงยังมีการปล่อยอนุมูลทองแดงอิสระและเกลือของทองแดง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบต่อเซลล์ในโพรงมดลูก โดยกระตุ้นการสร้าง prostaglandin ซึ่งเป็นพิษต่อตัวอสุจิและไข่ นอกจากนั้นยังขัดขวางการเคลื่อนไหวของตัวอสุจิอีกด้วย
[ข้อดีของการใส่ห่วงอนามัย]
1. การใส่ห่วงเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย มีความสะดวก เนื่องจากใส่เพียงครั้งเดียว ที่สำคัญคือเป็นวิธีที่ประหยัดและมีความปลอดภัยสูง
2. ห่วงอนามัยมีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงและยาวนาน (ประมาณ 3-10 ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับชนิดของห่วง)
3. เหมาะสำหรับคนขี้ลืมที่ไม่ต้องคอยรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดทุกวัน หรือต้องได้รับการฉีดยาคุมทุก 1-3 เดือน
4. ไม่มีอาการข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิดเหมือนยาเม็ดหรือยาฉีดคุมกำเนิด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เป็นฝ้า น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ฯลฯ
5. ไม่ทำให้ความรู้สึกในการร่วมเพศเปลี่ยนไปหรือน้อยลงจากเดิม (ไม่เหมือนกับการใส่ถุงยางอนามัย)
6. ทำให้รู้สึกสบายใจ เพราะมีประจำเดือนมาทุกเดือนตามปกติ
7. ใส่ห่วงแล้วยังสามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ
8. ถ้าอยากมีลูกก็สามารถถอดห่วงออกและเริ่มมีลูกได้ทันที โดยไม่ต้องรอนานเหมือนยาเม็ดหรือยาฉีดคุมกำเนิด (เพราะไม่มีผลกับฮอร์โมน) อย่างชนิดที่นิยมใช้ในบ้านเรา คือ มัลติโหลด (Multiload) ที่สามารถใส่ได้ประมาณ 3-5 ปี และชนิดที่เป็นรูปตัวที (T) จะใช้ได้นานถึง 10 ปี
[ข้อเสียของการใส่ห่วงอนามัย]
1. ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
2. การใส่ห่วงอนามัยอาจมีความยุ่งยากบ้างเล็กน้อย เพราะต้องให้แพทย์เป็นผู้ใส่ให้ (ไม่สามารถทำเองได้)
3. ในบางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนมากจะไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร
4. ห่วงอนามัยอาจทะลุเข้าไปในช่องท้องได้ แต่ก็มีโอกาสน้อยมากครับที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้