เราเคยชินกับการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์มาเนิ่นนาน ทำให้รู้สึกว่านี่มันก็คือเรื่องปกติ ไม่ใช่สิ่งทุกข์ร้อนอะไร และเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำกันต่อไปเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สำคัญก็คือเงินเดือน อาจจะเหนื่อยบ้าง เพลียบ้างก็คือเรื่องปกติ แต่รู้หรือไม่ว่านั่นเป็นการตักเตือนของร่างกายนะ Gangbeauty จะพาผู้เชี่ยวชาญมาอธิบายให้ฟัง!
www.pexels.com
เค แอนเดอร์ อีริคส์สัน หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชื่อดังด้านจิตวิทยากล่าวว่า ในการทำงานนั้น คนเราจะสามารถทำงานได้ดีแค่ 4-5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้นเอง หากกินเวลานานไปกว่านี้ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง กลายเป็นความทนทุกข์ที่ต้องอยู่ในที่ทำงานซะอย่างนั้น
www.pexels.com
อีริคส์สันเผยเพิ่มเติมว่า หากมนุษย์ถูกบังคับให้ทำงานเกินความสามารถหรือเกินความสนใจ จะทำให้คนๆ นั้นสะสมนิสัยแย่ๆ ไปเรื่อยๆ ซึ่งนิสัยแย่ๆ นั้นจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของงาน ซึ่งหากจะยกตัวอย่างเจ้านายดีเด่นที่เข้าใจความเป็นมนุษย์กับการทำงาน คงต้องยกให้ไรอัน คาร์สัน เจ้าของบริษัท Treehouse ที่ให้พนักงานทำงานแค่สัปดาห์ละ 32 ชั่วโมง โดยมาตรการนี้ก็ทำให้บริษัทของเขาประสบความสำเร็จขึ้นมาก เพราะพนักงานมีความสุข ผลงานก็เลยออกมาดี
maxpixel.freegreatpicture.com
เช่นเดียวกันกับบริษัท Reussier Design บริษัทพัฒนาเว็บไซต์ ที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานใหม่เป็น 4 วันต่อสัปดาห์ โดยคุณเนท ผู้ก่อตั้งบริษัทกล่าวว่า หากพนักงานต้องทำงานล่วงเวลาในวันศุกร์ ผลงานอาจออกมาไม่ดีนัก สู้ให้รีบทำให้เสร็จภายในวันพฤหัสบดี แล้วปล่อยพักยาวในวันหยุดน่าจะดีกว่า
www.pexels.com
อีริคส์สันได้พิสูจน์ข้อทฤษฎีนี้เพิ่มเติมด้วยการทดลองทฤษฎี 4 วันกับนักเรียนชั้นประถม 4 และ 5 ในรัฐโคโลราโด ซึ่งผลที่ออกมาก็พบว่าเด็กๆ มีผลการเรียนดีขึ้นมาก เมื่อเทียบกับเด็กที่ต้องเข้าเรียน 5 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นการวิจัยนี้จึงชี้ให้เห็นชัดเจนเลยว่าการกระจายเวลางานที่สมเหตุสมผล เป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อตัวบุคคลและองค์กรมาก
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะต้องทำงานกี่วันก็ตาม ขอให้ทำอย่างเต็มที่่ดีกว่านะจ๊ะ!