Hello~~ สวัสดีจ้าสาวๆ ทุกคนนนน วันนี้ก็มาพบกับเราเจ้าเก่าขาประจำกันอีกละเนอะ แน่นอนว่าเจอกันแบบนี้ต้องมีอะไรดีดีมาฝากกันอยู่เเล้ววว วันนี้เราขอพาสาวๆ มาดูสถานที่ท่องเที่ยวที่สาวๆ เห็นแล้วต้องร้องว๊าว ตะลึงกับความสวยงามที่เรานำมาฝากไปตามๆ กันเลยล่ะ เชื่อสิว่างานนี้สวยครบ จบทุกที่ สวยจนสาวๆ อยากแพ็คกระเป๋าตามกันไปเลยทีเดียว แต่ละที่คือสวยดุดหลุดเข้าไปในโลกนิยาย รับรองว่างานนี้มีคนงอแงอยากไปเที่ยวตามแน่นอน!
#20.Waitomo Glowworm Caves
“ถ้ำไวโตโมโกลว์วอร์ม” (Waitomo Glowworm Caves) หรือ “ถ้ำหนอนเรืองแสง” คือจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่อยากแนะนำให้คุณมาเยือนสักครั้ง โดยถ้ำนั้นอยู่ในเขตเมืองไวโตโม (Waitomo) เมืองท่องเที่ยวเล็กๆที่ตั้งอยู่บนเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand) สิ่งที่ทำให้หลายคนต้องตกตลึงเมื่อเข้าไปสู่ถ้ำแห่งนี้ ก็คือ แสงระยิบระยับ จนเหมือนว่ากำลังมองดูดวงดาวบนฟ้าในยามค่ำคืน โดยสาเหตุของแสงที่ว่านี้ก็เนื่องมาจาก หนอนเรืองแสง ที่อยู่ภายในถ้ำนั่นเอง
#19.Neeschwanstein Castle
“ปราสาทนอยชวานสไตน์”สร้างขึ้นบนยอดเขาลูกนึง ที่รายล้อมด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์และทะเลสาบด้านล่าง จุดประสงค์ของการสร้างปราสาทนี้เพื่อให้ผสานกลมกลืนไปกับธรรมชาติอันงดงามรอบด้าน ปกติการสร้างปราสาทจะต้องมีสวนที่สวยงามเป็นบริเวณกว้าง มีการสร้างบ่อน้ำพุในสวน แต่นอยชวานสไตน์ไม่จำเป็นต้องมีสวน เพราะมีธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์รายล้อมอยู่แล้ว ไม่ต้องมีน้ำพุเพราะมีน้ำตกทางธรรมชาติอยู่ใกล้ๆ
#18.Zhangye Danxia Landform
ทิวทัศน์มหัศจรรย์ราวกับภาพในจินตนาการอย่างที่สาวๆ เห็นอยู่นี้เป็นของจริงนะคะ เทือกเขาแห่งนี้อยู่ในเมืองจางเย่ (Zhangye) มณฑลกันซู่ (Gansu) ประเทศจีน มีชื่อว่า “เขาสายรุ้งตันเซี๋ย” (Danxia Landfrom) แนวเขาที่มีลวดลายหลากหลายสีสันนี้เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ 24 ล้านปีก่อน หรือยุคครีเทเชียสนั่นเองค่ะ โดยเฉพาะหลังจากฝนตกยิ่งทำให้สีสันแจ่มชัดสดใสขึ้นมากกว่าปกติ บอกได้เลยว่าสวยมาก สวยจนสาวๆ ต้องไปให้ได้ซักครั้งในชีวิต
#17.Victoria fall
น้ำตกวิกตอเรีย (อังกฤษ: Victoria Falls) หรือในชื่อท้องถิ่นว่า โมซิ-โอวา-ทุนยา (Mosi-oa-Tunya; ควันที่ส่งเสียงร้องคำราม) ตั้งอยู่บริเวณรอยต่อของประเทศแซมเบีย และ ประเทศซิมบับเว เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก Victoria fall ถือเป็นน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกควบคู่ไปกับ อิกวาซูในบราซิล/ อาร์เจนติน่า และ ไนแองการ่าในอเมริกา / แคนาดา แต่ด้วยความที่อยู่ในประเทศที่ห่างไกลเป็นอย่างมาก ทำให้ที่นี่เปรียบเสมือนน้ำตกลึกลับสำหรับชาวตะวันตก และเต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม
#16.Giant”s Causeway
Giant”s Causeway คือชื่อเรียกสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในประเทศไอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นแท่งหินบะซอลต์จำนวนกว่า 40,000 ก้อนที่โผล่พ้นแผ่นดินทอดตัวยาวลงไปในทะเลขึ้นมาจนกลายเป็นภูเขาขนาดย่อมๆ ซึ่งจุดเด่นของ Giant”s Causeway นั่นก็คือแท่งหินแต่ละแท่งนั้นเป็นรูปทรงเรขาคณิตวางเรียงกันอย่างแนบสนิทจนไม่สามารถใช้มือสอดเข้าไปได้ ซึ่งเหตุที่ถูกเรียกว่า Giant”s Causeway หรือ “ทางเดินยักษ์” นั่นก็มาจากตำนานของชาวไอร์แลนด์ที่เล่าขานกันย้อนไปในสมัยที่ดินแดนแถบนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์
#15.Cappadocia
เมืองใต้ดินไม่ได้มีแต่ในนิยาย เพราะในโลกความเป็นจริง เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตุรกีนี่เอง เนื่องจากข้อขัดแย้งทางศาสนา ทำให้เหล่าผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ต้องพยายามหลบซ่อนตัว และที่หลบซ่อนที่ดีที่สุดก็คือใต้ดินนี่เอง ทำให้มีการสร้างเมืองใต้ดินขึ้นมาใหญ่โตเป็นฮาณาจักรเลยทีเดียว โดยภายในมีทั้งที่อยู่อาศัย ที่เก็บเสยียง รวมถึงศาสนาสถานอย่างโบสถ์อีกด้วย
#14.Lapland
แลปแลนด์ (Lapland) ดินแดนในฝันของใครหลายๆ คนที่อยากไปเที่ยวชมความงามในช่วงฤดูหนาวกันสักครั้ง อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของซานตาคลอสอีกด้วย ซึ่งแลปแลนด์ (Lapland) ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศฟินแลนด์ และครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และคาบสมุทร กิจกรรมยอดฮิตเมื่อมายัง แลปแลนด์ (Lapland) คือ ตามล่าหาแสงเหนือ (ออโรร่า) , เที่ยวหมู่บ้านซานตาครอส (Santa Clause Village), หมู่บ้านอิกลูแคสสลอตทาเน่น (Glass Igloos), นั่งรถเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์ เป็นต้น
#13.สวนดอกไม้ชิกิไซโนะโอกะ
บรรยากาศรอบสวนและวิวของ “ชิคิไซ โนะ โอกะ” สมชื่อที่แปลว่า เนินดอกไม้สี่ฤดูจริงๆ เพราะสีสันของดอกไม้ที่อยากจะชมตลอดปีมีรวมอยู่ที่นี่แล้ว นอกจากลาเวนเดอร์และป็อปปี้แล้ว ยังมีดอกไม้อื่นๆมากกว่า 30 ชนิด ทำให้เราสามารถชมดอกไม้ได้นานกว่าที่อื่น เริ่มกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – ตุลาคมเลย เหมาะกับคนที่หลงรักในความงดงามของดอกไม้นานาพันธุ์ราวกับหลุดเข้าไปในโลกนิยาย
#12.Mt Saint Michel
เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวสำหรับมงแซงมิเชล (Mont Saint Michel) ในนามมหาวิหารกลางน้ำที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ตัวมหาวิหารนั้นถูกสร้างอยู่ตรงกลางของเกาะ ล้อมรอบด้วยหมู่บ้านเล็กๆ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ การที่จะเข้าไปให้ถึงมหาวิหารนั้นจะต้องเดินเท้าไปบนสะพานที่ทอดยาวไปจนถึงตัวเกาะ ที่มีอายุกว่าร้อยปี ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1879
#11.Highland
ดินแดนตอนเหนือของเกาะอังกฤษ พื้นที่ว่างเปล่าในฤดูร้อนที่สีเขียวเข้าปกคลุม กลายเป็นหนึ่งในแผ่นดินที่น่าหลงใหลที่สุดในโลก ด้วยความกว้างใหญ่ของพื้นที่กับลักษณะพื้นที่ที่น่าอัศจรรย์ใจ เป็นฉากของหนังล้ำจินตนาการอย่าง PROMETHEUS Highlands และเป็นอีกหนึ่งในความสมบูรณ์สูงสุดของธรรมชาติ มันมีความเขา มันมีความทะเลสาบ มันมีความเขียว มันมีความฟ้า และมันคือที่สุดของแท้
#10.เกาะ Socotra
เกาะโซโคตรา ตั้งอยู่ในทะเลอาหรับ มหาสมุทรอินเดีย ความน่าสนใจของเกาะโซโคตราที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนเกาะ ทั้งพืชและสัตว์ล้วนมีถิ่นกำเนิดอยู่บนเกาะแห่งนี้ ซึ่งพืชถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมดบนเกาะ สามารถหาได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น และลักษณะของพืชบางชนิดบนเกาะยังมีหน้าตาแปลกประหลาด ราวกับหลุดมาจากโลกในยุคดึกดำบรรพ์เลยทีเดียว
#9.Hobbiton
“บ้านฮอบบิท” ( Hobbit holes) สถานที่หลักสำหรับถ่ายทำฉากภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงจำนวนหลายเรื่อง เช่น ปีเตอร์แจ็คสัน ( Peter Jackson) , ภาพยนตร์ไตรภาคเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ( Lord of the Rings film trilogy) ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ตัดสินใจปรับให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักของเมือง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากป้ายบนถนนสายหลักว่า “ยินดีต้อนรับสู่ฮอบบิตัน” (Welcome to Hobbiton)
#8.Cano Crystales
Ca?o Cristales (อ่านว่า คาโย คริสเตลเลส) หรืออีกชื่อที่คนชอบเรียกกันว่า “Rivers of Five Colors” หรือ “The Liquid Rainbow” คือแม่น้ำทางตอนใต้ของโคลัมเบีย แม่น้ำนี้มาดังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คนอยากไปกัน เพราะเป็นแม่น้ำสีมีสีสันมากมาย 5 สี ตามชื่อ ในที่นี้คือ แดง เหลือง เขียว ฟ้า ดำ โดยเฉพาะสีแดง ที่มีอยู่เป็นส่วนใหญ่
#7.Neuschwanstein
พระราชวังสมัยศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่บนเนินเขาขรุขระทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน มีลักษณะเหมือนปราสาทในเทพนิยายจนหลายๆ คนเรียกว่า “ปราสาทซินเดอเรลล่า” พระราชวังแห่งนี้เปิดให้ประชาชนเข้าชม และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง และแม้จะเป็นปราสาทยุคกลางของลุดวิก (Ludwig) แต่ก็มีเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งห้องน้ำแสนสะอาด มีน้ำร้อน น้ำเย็น กันเลยทีเดียวค่ะ
#6.Albarracin
อัลบาร์ราซินเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัด Teruel (เตรูเอล) แคว้น Arag?n (อารากอน) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ตัวเมืองอัลบาร์ราซินได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น National Monument ของประเทศสเปนตั้งแต่ปี 1961 และกำลังอยู่ในขั้นตอนการเสนอชื่อเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก หมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ตั้งได้รับการขนานนามให้เป็น หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของสเปน
#5.Shirakawa-go
หมู่บ้านชิรากาวาโกะ (Shirakawa-go) หมู่บ้านเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและสายน้ำ ตั้งอยู่ทางเหนือของจังหวัดกิฟู(Gifu)ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคกลางของญี่ปุ่น และติดกับหมู่บ้านโกะคะยะมะ (Gokayama) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีลักษณะเดียวกันตั้งอยู่ในจังหวัดโทยะมะ (Toyama) หมู่บ้านชิรากาวะโกะ นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยอง์การยูเนสโกในปี 1995 จุดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้คือบ้านโบราณทรงกัสโชซุคุริ(Gassho-Zukuri) หรือทรงมือพนม ที่มีอายุมากกว่า 250 ปี
#4.Colmar
กอลมาร์(Colmar)เป็นเมืองเก่าแก่ในประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นดินแดนแห่งความโรแมนติคและได้รับการขนานนามว่า “ลิตเติ้ลเวนิส” และเมืองนี้ก็ยังถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆของประเทศฝรั่งเศสด้วยเช่นกัน หมู่บ้านเล็กๆ แห้งนี้ทำให้เหมือนย้อนกลับไปในยุคกลางของฝรั่งเศสอันเป็นฉากของการ์ตูนสุดฮิตอย่าง Beauty and the beast นี้มีอยู่จริงในโลก
#3.Giethoorn
กีโธร์น (Giethoorn) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Zwolle และ Steenwijk ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยได้รับฉายาว่าเป็นหมู่บ้านไร้ถนน เพราะผู้คนที่นี่จะสัญจรกันทางเรือ จึงมีคูคลองเล็กๆ ลัดเลาะอยู่รอบหมู่บ้าน บ้านทุกหลังก็จะมีเรือเป็นพาหนะประจำครัวเรือนนั่นเอง บ้านแต่ละหลังถูกออกแบบให้เป็นกระท่อมสไตล์ตะวันตกมีความโดดเด่นสวยงาม ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคาบเกี่ยวกับฤดูร้อน ถือเป็นช่วงเวลาที่พีคที่สุดในการมาท่องเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้
#2.Edinburgh
มาดูเมืองหลวงแห่งเทพนิยายบนดินแดนสกอตแลนด์ที่เอดินเบิร์กกันบ้าง เอดินเบิร์กแบ่งออกเป็นย่านเมืองเก่าและย่านเมืองใหม่ ทั้งสองฝั่งเมืองนั้นเต็มไปด้วยตึกหน้าตาเก่าแก่ได้อารมณ์ความเป็นยุโรปที่แท้จริง ทุกวันที่เดินอยู่ในเมืองเพื่อนๆ จะรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในยุคเจริญรุ่งเรืองของยุโรปในอดีต ใครๆ ที่เคยไปต่างก็บอกว่าทุกมุมของเอดินเบิร์กนั้นสวยเหมือนหลุดออกมาจากความฝันจริงๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้ก็มีมากมาย เช่น ปราสาทเอดินเบิร์ก (Edinburgh Castle)
#1.Kawachi Fuji Garden
อุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่สวนคาวาชิฟูจิ Kawachi Fuji Garden จุดเด่นภายในสวนแห่งนี้คืออุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่ทิ้งกิ่งก้านพร้อมดอกสีม่วงเข้ม ม่วงอ่อน ขาว และชมพูไล่เฉดสีห้อยลงมาจากอุโมงค์ไม้ที่คลุมทางเดิน อยู่ที่เกาะคิวชู(Kyushu) จังหวัดฟูกุโอกะ(Fukuoka) จะบานในฤดูใบไม้ผลิช่วงปลายเดือนเมษายน-กลางเดือนพฤษภาคม
เป็นยังไงกันบ้างคะสาวๆ ชอบกันรึเปล่าาา กับสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ เหมือนกับหลุดมาจากเทพนิยายที่เรานำมาฝาก บอกเลยว่างานนี้ สาวๆ ต้องปลืื้มหนักมากกกก ปลื้มจนอยากแพ็คกระเป๋าเดินตามรอยไปเที่ยวให้ครบทุกที่เลยล่ะ ธรรมชาติสร้างสิ่งสวยงามไว้มากมายค่ะ และความสวยงามของธรรมชาตินี่่ล่ะจะเป็นพลังด้านบวกให้ชีวิต เหมือนกับการให้รางวัลกับตัวเอง ลองไปเที่ยวดูให้ได้นะสาวๆ เชื่อสิว่านี้จะเป็นทริปที่คุณประทับใจเเน่นอน