สวดมนต์ ทำสมาธิ ไม่ได้มีประโยชน์แค่บริหารจิตเท่านั้น แต่การเปล่งเสียงสวดมนต์ออกมายังมีประโยชน์ด้านสุขภาพด้วยนะ
ผู้หลักผู้ใหญ่มักจะสอนให้เราสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืน เหตุผลหนึ่งก็ช่วยบริหารจิตใจ ถือเป็นการสะสมบุญ และเชื่อกันว่าการสวดมนต์ก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายไม่ฝันร้ายด้วยนะคะ ทว่าประโยชน์ของการสวดมนต์ไม่ได้มีแค่นั้น เพราะประโยชน์ของการสวดมนต์ ทำสมาธิ ดีต่อสุขภาพตามนี้เลย
1. ช่วยให้ผ่อนคลาย สบายใจ
รศ. ดร.สมพร กันทรดุษฎี เตรียมชัยศรี อดีตหัวหน้าภาควิชาการพยาบาลสาธารณสุข คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า การสวดมนต์ด้วยการเปล่งเสียงออกมาแผ่วๆ จะช่วยให้เกิดการสั่นสะเทือน ซึ่งจะไปกระตุ้นการทำงานของตัวรับสัญญาณในร่างกาย ช่วยให้สมองผลิตสารเคมี สารสื่อประสาท และสารสื่อไฟฟ้า รวมไปถึงโปรตีนบางตัวออกมา ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย และผ่อนคลายความกังวล แก้อาการนอนไม่หลับก็ได้
2. ช่วยรักษาแผล
รศ. ดร.สมพร ยังบอกด้วยว่า การเปล่งเสียงสวดมนต์เบาๆ พอให้เกิดการสั่นสะเทือน (25 เมกะเฮิรตซ์) จะกระตุ้นให้ร่างกายส่งสัญญาณไปที่สมองส่วนทาลามัส ส่งผลให้สมองส่วนนี้ผลิตสารเคมีและสารสื่อประสาทออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติกันสมองชัก ช่วยระงับความเครียด และช่วยเยียวยาแผล
3. ลดน้ำตาลในเลือด
อย่างที่บอกว่าการเปล่งเสียงสวดมนต์จะช่วยให้เกิดการสั่นสะเทือน กระตุ้นระบบภายในร่างกายให้เกิดความสมดุล และนอกจากนี้การฟังเสียงสวดมนต์ของตัวเราเองยังช่วยให้เซลล์ประสาทส่งสารสื่อประสาทที่มีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ ช่วยลดความเครียด บรรเทาอาการซึมเศร้า และมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย
4. กระตุ้นการทำงานของหัวใจ
ข้อมูลจากนิตยสารชีวจิต เผยว่า การเปล่งเสียงโอมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ และการเปล่งเสียงสวดมนต์อันก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนจะช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนของโลหิต ช่วยให้จิตใจสงบขึ้น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยคงสมดุลความดันโลหิตด้วย
5. กระตุ้นระบบขับถ่าย
เสียงสวดมนต์เสียงอีจะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย อย่างที่เวลาเด็กจะปัสสาวะก็จะช่วยกันพูดเสียงฉี่ยาวๆ ก็จะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากปัสสาวะมากขึ้นได้ นอกจากนี้เสียงอือยังช่วยกระตุ้นปอด เสียงอูช่วยกระตุ้นม้าม และเสียงออยช่วยกระตุ้นไต
ทำไมการสวดมนต์จึงช่วยบำบัดโรคได้
ดร .นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อดีตอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ระบุว่า หากฟังเสียงสวดมนต์อย่างเดียวจะได้เพียงแค่ผ่อนคลาย เพราะเป็นการรับสัญญาณผ่านทางหู แต่หากเราเปล่งเสียงสวดมนต์ด้วย เท่ากับเป็นการสวดมนต์บำบัด ซึ่งเป็นหลักการหนึ่งของ Vibrational Therapy คือการใช้คุณสมบัติของคลื่นเสียงมาบำบัดความเจ็บป่วย เมื่อเราได้รับคลื่นเสียงช้าๆ อย่างสม่ำเสมอประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยกระตุ้นร่างกายให้เกิดการเยียวยา
อย่างไรก็ดี ไม่ควรสวดมนต์หลังกินอาหารทันที แต่ควรทิ้งช่วงให้ร่างกายเริ่มผ่อนคลายก่อน เช่น ช่วงเวลาก่อนเข้านอน หาสถานที่ที่เงียบสงบ สวดบทสั้นๆ 3-4 พยางค์ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีขึ้นไป จะทำให้ร่างกายได้หลั่งสารเซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทมีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับ ช่วยการเรียนรู้ ลดความเครียด ลดอาการซึมเศร้า ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารสื่อประสาทอื่นๆ เช่น เมลาโทนิน ซึ่งเปรียบคล้ายกับยาอายุวัฒนะ เพราะจะช่วยยืดอายุการทำงานของเซลล์ประสาท เซลล์ร่างกาย ให้ชีวิตเพิ่มภูมิต้านทาน ทำให้เซลล์สดชื่นขึ้นด้วย
ประโยชน์ของการสวดมนต์ภาวนาก็ไม่ธรรมดาเลยนะคะ ใครจะลองสวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อยกระดับจิตใจและช่วยส่งเสริมการทำงานต่างๆ ของร่างกายก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ ที่น่าทำเลยแหละ