เชื่อว่าอาการอ่อนเพลีย หรืออาการเหนื่อยตลอดเวลา ต้องเคยเกิดขึ้นกับคุณแน่นอน ซึ่งอาการเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างมา ยิ่งถ้าต้องใช้สมองในการคิดงานด้วยแล้ว มันจะทำให้ทั้งวันนั้นสมองคุณตื้อไปหมด เบลอๆ คิดอะไรก็ไม่ค่อยออก และวันนี้ gangbeauty จึงมาเผยถึง 6 สาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกขี้เกียจ รู้สึกเพลียและเหนื่อยตลอดเวลามาให้อ่านกันค่ะ !!!
1. ไม่ทานอาหารเช้า และทานแต่อาหารฟาสต์ฟู๊ด
อาหารขยะที่มักทานตอนเช้าเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย เพลียตลอดทั้งวันและทำให้คุณอ้วนขึ้นไม่รู้ตัว เนื่องจากอาหารเหล่านั้นไม่ได้ให้โปรตีน ไขมัน วิตามินต่างๆ ที่ให้พลังงานคุณ แต่กับให้น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตจำนวนมากที่เป็นตัวเร่งให้ให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น ทางที่ดีคุณควรรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่เพื่อไม่ให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาภายหลัง
ควรลดน้ำตาลและแป้งในอาหารเช้า แต่เสริมด้วยโปรตีนจากโฮลเกรนและนมสดเข้าไปแทนในทุกมื้อ ทำให้เป็นกิจวัตร เพื่อสุขภาพและระบบการทำงานภายในร่างกายที่ดีขึ้น คุณสามารถทานข้าวสีน้ำตาล, แซลมอน, มันฝรั่งหวาน, สลัดไก่, สลัดผลไม้ และทานไก่ได้ (อบเท่านั้นนะ)
2. ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
หากร่างกายขาดน้ำเป็นปริมาณมาก จะทำให้เลือดไหลเวียนช้าลงและมีความเข้มข้นมากขึ้น ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเพลียเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดกระจายตัวได้ไม่เต็มที่ หัวใจสูบฉีดเลือดทำงานได้ไม่เต็มร้อยนั่นเอง รวมทั้งความเร็วที่ออกซิเจน และสารอาหารจะเข้าถึงกล้ามเนื้อและอวัยวะส่วนต่างๆ ก็ลดลงไปด้วย
3. ทานอาหารพวกธาตุเหล็กน้อยเกินไป
การทานอาหารพวกธาตุเหล็กน้อยเกินไป จะทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อและเซลล์ต่างๆไม่เพียงพอ ทั้งยังส่งผลเสียต่ออารมณ์ ความจำ โลหิตจาง ร่างกาย และมักมีอาการเช่น เหนื่อย เพลียง่าย ขี้เกียจ โมโหง่าย อ่อนแอ ป่วยง่าย
ธาตุเหล็กมักพบอยู่ในอาหารจำพวก เนื้อ (ไม่ติดมัน), ไข่แดง, ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช, ข้าวโอ๊ต, หน่อไม้ฝรั่ง, ถั่วฝักยาว, ผักแว่น, เห็ดฟาง, พริกหวาน, ใบแมงลัก, ใบกะเพราะ, ถั่วขนาดเล็ก, เต้าหู้, ไข่ไก่, ผักที่เต็มไปด้วยใบสีเขียวเข้ม, ถั่วเปลือกแข็งต่างๆ และเนยถั่ว
4. ทำงานจนไม่ได้พักผ่อน
อย่าทำงานจนเกินขีดจำกัดความสามารถคุณและให้เวลาพักผ่อนกับตัวเองบ้าง เพราะการพักผ่อนอย่างเต็มที่จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สมองปลอดโปร่งและปลดปล่อยพร้อมสำหรับการเริ่มต้นใหม่ หาวันว่างๆ พักผ่อนสมอง ปล่อยใจและกายให้โล่งบ้าง หยุดคิดเรื่องปวดหัวอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้งก็ยังดีนะ หรือถ้างานรัดตัวจริงๆ ก็แบ่งเคลียร์งานวันนั้นให้เสร็จ แล้วกลับมาพักผ่อนต่อที่บ้าน รีแล็กซ์สบายๆ
5. ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน
เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน จะทำให้การทำงานของระบบประสาทส่วนกลางลดลงให้ผลเหมือนยาระงับประสาท และส่งผลผลสะท้อนกลับทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายสูบฉีดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหลังจากคุณดื่มไปแล้วคุณถึงรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ทางที่ดีเพื่อการนอนหลับที่สบายและยาวนาน คุณควรหยุดดื่มแอลกฮอล์ทั้งหมด(ทุกชนิด) 3-4 ชั่วโมงก่อนนอน
6. การเล่นโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ก่อนเข้านอน
เนื่องจากไฟที่สว่างจ้าออกมาจากหน้าจอแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ของคุณ ทำให้นาฬิกาชีวิตและระบบการทำงานในร่างกายคุณหันเหทำงานไม่ปกติ ร่างกายไม่สามารถควบคุมฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยให้การนอนหลับเป็นปกติและตื่นอย่างเป็นระบบได้ จึงทำให้คุณรู้สึกง่วงและเพลียหลังจากตื่นขึ้นมา ถ้าคุณอยากนอนเต็มอิ่ม พรุ่งนี้เช้าตื่นมาสดใส กระปรี้กระเปร่า เพียงแค่คุณปิดเทคโนโลยีสื่อสารทั้งหมดก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง ก็ช่วยได้เยอะแล้วล่ะ
แต่ถ้าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะเล่นอุปกรณ์เทคโนโลยีของคุณได้ ก็ให้ถือห่างจากหน้าและสายตาอย่างน้อย 14 นิ้ว และเล่นในที่มีแสงสว่างเพียงพอ อย่า! ปิดไฟเล่นเด็ดขาด เพราะดวงตาของคุณจะรับแสงจากหน้าจอมากเกินไป ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยเพลียเมื่อตื่นนอนแล้ว ยังทำให้คุณสายตาเสียอีกด้วย(อาจสายตาสั้นลง)
: pinterest.com,pinterest.com,pinterest.com