การมีสุขภาพที่แข็งแรงแลดูอ่อนกว่าวัยอาจไม่สมบูรณ์พอสำหรับผู้หญิงเรานะคะ เพราะหากเรามีร่างกายที่ดี แต่จิตใจกลับแย่ แล้วจะมีความสุขมีความสมบูรณ์พร้อ และจะมีความอ่อนเยาว์ตามที่ปรารถนาได้อย่างไร ดังนั้น เราต้องทำจิตใจของเราให้แจ่มใส แข็งแกร่ง และมีความอ่อนเยาว์ไม่เครียดหรือกังวลใจในความร่วงโรยของตนจนเป็นเหตุให้แก่ก่อนวัย ต้องทำตัวให้กระปรี้กระเปร่า เช่นคนหนุ่มคนสาวด้วยการพัฒนความคิดและจิตใจ ซึ่งวิธีการง่ายๆ ก็คือ “การผ่อนคลายความเครียด” และ “การคิดให้สวย” เข้าไว้ เพราะถ้าเราคิดได้อย่างนี้แล้วใจเราก็จะสบายและไม่กังวลกับความร่วงโรยที่ค่อยๆ คืบคลานเข้ามาทุกขณะเวลายังไงล่ะคะ
สาวๆ ต้องไม่ลืมว่าร่างกายที่ดีย่อมต้องมีจิตใจที่ดีตามไปด้วยมันถึงจะเรียกว่าการมีสุขภาพที่ดีสมบูรณ์แบบ เพราะจิตใจเป็นนาย ส่วนกายเป็นบ่าว จิตใจไม่ปกติก็สามารถตีรวนให้ร่างกายผิดปกติได้ ดังนั้นต้องพยายามหมั่นบริหารจิตใจให้แจ่มใสแข็งแรงควบคู่ไปกับร่างกายด้วย ถ้างั้นเอาแบบนี้ดีกว่าค่ะเรามาเริ่มต้นทำตัว และทำจิตใจเพื่อผ่อนคลายความเครียดสู่การมีสุขภาพจิตดีกันดีกว่า โดยในวันนี้เราจะมาแนะนำการผ่อนคลายความเครียดด้วยแนวทางต่างๆ รวมถึงวิธีคิดในแบบที่เหนือชั้นกว่า ซึ่งจะทำให้คุณลืมคำว่าเครียดไปจนหมดสิ้น ท่องเอาไว้ค่ะว่าคิดให้สวยเราก็จะสวย!
:เริ่มต้นจากการทำสมาธิ :
การทำสมาธิ คือการกำหนดจิตใจให้จดจ่ออยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่ เอาไปจดจ่อกับลมหมายใจเข้าออก อันนี้ก็แล้วแต่ความชื่นชอบและพอใจของผู้ที่ทำสมาธิจะดีที่สุดค่ะว่าจะจดจ่ออยู่กับสิ่งใด การทำสมาธิเช่นนี้จะส่งผลดีต่อผู้ที่มีความเครียดสะสม เป็นคนเครียดง่าย คิดมาก ความคิดสะสมไม่มีระบบระเบียบ หรือมีอารมณ์แปรปรวนง่าย อีกทั้งยังช่วยให้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา และทำให้ความจำดีขึ้นด้วย ดังนั้นเราควรจะหาเวลาว่างๆ สักวันละ 10-20 นาที ในการทำสมาธิเพื่อผ่อนคลายจิตใจ ลองฝึกทำประจำดูเพียงไม่กี่สัปดาห์คุณจะเห็นได้ชัดเลยว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้น ที่แน่ๆ จิตใจเราจะเย็นลง ความเครียดจะค่อยๆ หายไป เมื่อไม่เครียดใบหน้าก็จะแจ่มใส สวยทั้งใจ สวยทั้งกายเลยล่ะค่ะ
:หันมาใช้ดนตรีบำบัด:
เสียงเพลงและเสียงดนตรีจะมีพลังในการโน้มน้าวอารมณ์และจิตใจของคนเราให้ลื่นไหลไปตามเสียงของมัน แถมยังมีพลังในการบำบัดความเครียดได้อีกด้วย ทำให้ผู้ฟังมีอารมณ์แจ่มใส รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลัง และมีกำลังจิตกำลังใจดีขึ้น ที่สำคัญช่วยกลบความเครียดที่มีอยู่ในจิตใจให้หายไปได้ หากเรารู้จักเลือกใช้ดนตรีดีๆ มาบำบัดโดยให้คุณใช้ดนตรีที่มีเสียงนุ่มนวลฟังสบายๆ ไม่จำเป็นต้องมีเนื้อหาสาระหรือเป็นดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้องก็ได้ ที่เรียกกันว่าเพลงบรรเลงนั่นล่ะค่ะดีที่สุดที่จะนำมาใช้เพราะฟังแล้วไม่ต้องคิดตามให้ปวดหัว ยิ่งดนตรีที่มีความลื่นไหลต่อเนื่อง ฟังแล้วจิตใจจะเคลิบเคลิ้มผ่อนคลายและลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้เอง
: หัดยิ้มให้เยอะๆ :
อย่าลืมนะคะว่าเมืองไทยเราขึ้นชื่อว่าเป็น “สยามเมืองยิ้ม” เพราะคนไทยมีอัธยาศัยดี ยิ้มเก่ง ยิ้มง่าย ยิ้มได้ทุกเรื่องแม้ภัยมา ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นข้อดีที่ทำให้คนไทยรอดพ้นวิกฤติใหญ่ๆ มาได้ และการยิ้มนั้นยังช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ด้วย แม้จะเป็นการกัดฟันฝืนยิ้มก็ตามที ขอให้เราลองยิ้มดูยามที่เรารู้สึกเครียดเราจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าอารมณ์เราดีขึ้น เครียดน้อยลง และดูเหมือนทุกอย่างจะเริ่มสดใสเริ่มมองเห็นทางออกอีกครั้ง และนอกเหนือจากนี้การยิ้มยังมีข้อดีอีกเพียบ อาทิ
> ยิ้มแล้วดูดีมีแต่คนรัก << การที่เรายิ้มเป็นประจำ คือใครเห็นหน้าปุ๊บก็จะเห็นรอยยิ้มปั๊บ หรือพอคิดถึงหน้าเราปุ๊บก็จะมีใบหน้าที่เปื้อนยิ้มลอยมาทันทีเหมือนเป็นโลโก้ประจำตัว ย่อมทำให้คนผู้นั้นเป็นคนที่ดูดี มีความน่ารักและมีแต่คนชื่นชมรักใคร่เพราะคงไม่มีใครอยากเห็นคนที่หน้าตาบึ้งตึง หรือเป็นเสือยิ้มยากหรอกจริงไหม?
>> ยิ้มแล้วดูเด็ก << การยิ้มบ่อยๆ ก็เหมือนกับการนวดกระชับใบหน้าเป็นประจำ ไม่ต้องเสียเงินไปให้หมอดึงหน้าให้เสี่ยงอีกด้วย ดังนั้นควรยิ้มบ่อยๆ ยิ้มกว้างๆ เข้าไว้ถ้าหากอยากหน้าเด็กกว่าอายุจริง
>> ยิ้มเพื่อสุขภาพ << เชื่อหรือไม่ว่าการยิ้มช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้ เมื่อยิ้มง่ายๆ ร่างกายเราก็จะแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย เรียกว่าสุขภาพทั้งกายและใจจะดีไปพร้อมๆ กันเลยล่ะค่ะ
> ยิ้มลดความดัน << สำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงยิ่งต้องควรยิ้มเป็นประจำ เพราะการยิ้มจะช่วยลดความดันโลหิตให้เป็นปกติได้ สุขภาพจึงดีและมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงลดลงด้วย
: เข้าใกล้ธรรมชาติ:
มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าคนเมืองจะเครียดมาก ยิ่งเป็นเมืองใหญ่ๆ ความเครียดก็ยิ่งสูงตามการเติบโตของเมืองไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นความเครียดในการทำมาหากิน ความเครียดจากการทำงาน ความเครียดจากครอบครัว แต่ความเครียดที่ว่านี้สามารถแก้ไขให้หมดไปได้ด้วยการใช้ธรรมชาติเข้าช่วย โดยการทำตัวเองให้เข้าใกล้หรืออยู่ใกล้ธรรมชาติเข้าไว้ เช่น หาเวลาออกไปเดินเล่นที่สวนหย่อม สวนสาธารณะ หรือออกไปนอกเมืองเพื่อเที่ยวชมธรรมชาติตามต่างจังหวัดก็ได้ หรือจะลองเอาธรรมชาติเข้ามาไว้ใกล้ตัวอย่างการปลูกต้นไม้ หาต้นไม้สวยๆ มาปลูกตามมุมต่างๆ ของบ้านให้ดูร่มรื่นสวยงาม
: ใช้จินตนาการเข้าช่วย:
ในยามที่คนเราเครียดมากๆ จนมีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ไม่มีที่พึ่งพาทางไหน ยังมีอีกทางหนึ่งค่ะที่ช่วยได้ นั่นคือ การใช้จินตนาการของตัวเองเข้าช่วย เหมือนเป็นการหลบไปพักผ่อนหรือปิดสวิตซ์เรื่องราวเครียดๆ ลงสักครู่ วิธีการก็คือ ให้คุณลองทำตัวสบายๆ ผ่อนคลายเลิกกังวลกับเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น, เลือกอยู่ในที่ๆ รู้สึกสบายที่สุด เช่น การนั่ง หรือกึ่งนั่งกึ่งนอน การนอนลงไปเลย, เมื่อได้ท่าที่สบายที่สุดแล้วให้หลับตาลงช้าๆ , เปิดประตูแห่งจินตนาการด้วยการสร้างมโนภาพถึงสถานที่ที่เราต้องการไปมากที่สุด เช่น ทะเล ภูเขา น้ำตก ป่า แม่น้ำ หรือต่างประเทศ, จินตนาการจนรู้สึกว่าผ่อนคลาย อิ่มเอม และมีความสุขใจขึ้น, จากนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ เพื่อกลับสู่โลกของความเป็นจริง โดยจะรู้สึกได้เลยว่าความเครียดลดลงและคุณมีเรี่ยวแรง มีกำลังจิต กำลังใจในการฝ่าฟันปัญหาที่มีได้มากขึ้น และหากเครียดซ้ำเมื่อใดก็ให้ลองใช้จินตนาการแบบเดิมดูจะช่วยได้มาก
: ทำตัวให้สวยสมวัย:
การทำตัวให้สวยสมวัยในที่นี้คือ การปฏิบัติตัวทุกอย่างให้เข้ากับวัย กับอายุที่ควรจะเป็น ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป คุณเคยเห็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมีอายุมากบางคนแต่ดูยังสวย ดูไม่แก่ ดูอ่อนกว่าวัย กันมั้ยคะนั่นเพราะเขาดูแลตัวเองดี ทำตัวเองให้สวยสมวัย เช่น มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่พอ แต่งตัวสวยสมวัย เหมาะสมกับกาละเทศะ ไม่นุ่งสั้นหรือแต่งหน้าจัดแบบสาวๆ และทำตัวให้มีทสุขภาพกายที่แข็งแรง ดูกระปรี้กระเปร่า สาวๆ บางคนถ้าหากไม่หันมาดูแลตัวเองให้ดี ก็อาจแพ้คนมีอายุก็เป็นไปได้นะคะ
มีหลายคนเคยพูดไว้ว่า ” คิดให้สวยก็สวย คิดให้สวยก็ไม่แก่” อันนี้เรื่องจริงค่ะ เพราะการคิดให้สวยนั้นเป็นการคิดในแง่บวก ไม่ใช่การหลอกลวงตัวเองแต่อย่างใด แต่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองได้อย่างง่ายๆ ด้วยความคิด ทำให้คุณรู้ดีถึงจิตใจและอารมณ์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำตัวเองให้มีคุณค่า มีความมั่นใจในแบบที่เราเป็นอยู่ เชื่อเถอะว่าความสวยจะแผ่กระจายออกมาจากตัวของคุณเองแน่นอนค่ะ