เมื่อความรักที่มีมันสุกงอม คนสองคนที่มีสถานะเป็นแค่แฟน ก็จะเลื่อนขึ้นเป็นสามีภรรยา จะต้องมีการสร้างครอบครัว ซึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้อะเนอะว่าสุดท้ายยังไงก็ต้องมีเรื่องของความเหมาะสม จารีต ประเพณีแบบไทยๆที่ยังไงก็ต้องแคร์ เรื่องหนักอกหนักใจแรกๆคงเป็นเรื่องสินสอดทองหมั้นนี่แหละ Gangbeauty รู้นะว่าไม่ใช่แค่ฝ่ายชายหรอกที่เครียดเรื่องนี้ แต่สาวๆเองก็เครียดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะเรียกเยอะแค่ไหน แล้วฝ่ายชายจะท้อใจจนไม่อยากแต่งด้วยไปเลยมั้ยนะ ซึ่งวันนี้เรามีหลักและปัจจัยที่ควรต้องเอามาใช้ในการคำนวนค่าสินสอดให้มันพอดีมาฝาก เธอจะได้ช่วยคำนวน แล้วก็จะได้เอาไปเสนอให้พ่อกับแม่เข้าใจ ช่วยฝ่ายชายเค้าอีกทีเนอะ
1. รายได้ของทั้งสองคน
ส่วนใหญ่แล้วค่าสินสอดจะคิดถึงความสมน้ำสมเนื้อของทั้งสองฝ่าย ซึ่งถ้าฝ่ายชายรายได้เยอะก็มีให้เยอะแหละ ในขณะเดียวกันถ้าฝ่ายหญิงรายได้เยอะ ก็มักจะเรียกสินสอดเยอะ ถ้ารักกันจริงๆ ไม่อิงเรื่องเงินเรื่องทองมากนัก สมมติฝ่ายชายรายได้ไม่เยอะมากเท่าไหร่ แต่เท่าที่คบกันมาเขาให้ใจล้านเปอร์เซ็นต์ ฝ่ายหญิงแม้จะเงินเยอะแค่ไหนก็ไม่ควรไปเรียกเยอะมาก ถ้าเธอไม่พอใจที่เขาไม่สามารถหาเงินมาให้เธอได้ นั่นแปลว่าเธออาจไม่ได้รักเขาที่ตัวเขาจริงๆแล้วล่ะมั้ง
2. อายุของทั้งสอง
ก็ต้องดูอีกว่าอายุของฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงเยอะหรือน้อย ถ้ายังน้อยอยู่ สินสอดก็ไม่ควรเรียกแพงมาก เพราะอาจจะยังเพิ่งเริ่มทำงาน รายได้ยังไม่มั่นคง ไม่มากพอ จะมานั่งคิดไม่ได้หรอกว่าจะแต่งงานต้องค่าสินสอดเป็นล้านเหมือนในทีวี สังเกตสิว่าสินสอดแพงขนาดนั้นได้เพราะเจ้าบ่าวมีดีกรีติดตัวทั้งนั้น ลูกเศรษฐี นักธุรกิจอะไรทำนองนี้อะ ถ้าแฟนเธอเป็นคนเดินดินกินข้าวแกง รักเด็ก รักหมา ก็ไม่จำเป็นต้องเรียกไปเยอะเว่อร์หรอก
3. ตำแหน่งหน้าที่การงาน
อันนี้เธออาจต้องแอบวางท่านิดหน่อย ต่อให้ฝ่ายชายจะไม่ค่อยมีเงิน แต่ถ้าเธอมีตำแหน่งหน้าที่การงาน มีหน้ามีตาในสังคม ยังไงก็ควรเรียกให้มันสมหน้าตาของเธอด้วย เพราะถ้ามาเรียกน้อยๆ ในขณะที่แขกเหรื่อของเธอที่มาในงานมีแต่คนชั้นสูง ผลร้ายมันไม่ใช่ใครหรอก คนที่จะโดนดูถูกต่างๆนานาก็คือแฟนเธอนั่นแหละ สมมติว่าเขาไม่มีเงินจริงๆ แต่เธอมีเยอะ ก็อาจจะแอบช่วยๆเขาสักหน่อย อย่างน้อยให้หน้างานมันเพอร์เฟกต์ก็โอเคแล้ว อย่าไปคิดว่าผู้ชายกระจอกนะ กลับกันเขาจะซึ้งใจเธอมากด้วยซ้ำ
4. ภาระค่าใช้จ่ายครอบครัว
นอกจากเรื่องของเราสองคน อาจจะต้องพิจารณาไปถึงพ่อแม่ของฝ่ายเจ้าสาวอย่างเราเองด้วย ถ้าเธอ ฝ่ายเจ้าสาวมีบ้าน มีครอบครัวที่มั่นคง มีธุรกิจส่วนตัวที่หาเลี้ยงชีพได้สบายๆอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเรียกอะไรเยอะแยะหรอก แต่ถ้าเธอนั้นเปรียบเสมือนเสาหลักของบ้าน ยังต้องเลี้ยงดูปูเสื่อทางบ้าน ค่าสินสอดก็ถือเป็นเรื่องจำเป็นมากหน่อย แฟนเธออาจต้องให้เยอะขึ้น คล้ายๆกับให้เงินก้อนไว้เป็นรายจ่ายของพ่อแม่เธอในอนาคต เพราะเสาหลักของบ้านอย่างเธอต้องออกไปให้ความสำคัญกับครอบครัวของตัวเองแล้ว อาจไม่ค่อยซัพพอร์ตทางบ้านได้มากเหมือนแต่ก่อนนั่นเอง
เงินเป็นแสน อย่าปล่อยให้ฝ่ายชายคิดไปคนเดียวนะ งานแต่งคือเรื่องของคน 2 คนก็ต้องช่วยกันคิดสิจริงมั้ย!