เพราะชีวิตคู่ในชีวิตจริงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนดั่งในละคร ยิ่งสมัยนี้ผู้หญิงและผู้ชายต่างก็มีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ออกไปหาเงินเข้าบ้านด้วยกันทั่งคู่ ทำให้เวลาส่วนใหญ่ของผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าแม่บ้านก็หมดไปกับการทำงาน จนสะสมให้มี ปัญหางานบ้าน สูงกองเท่าภูเขา ยิ่งถ้าบ้านไหนต้องดูแลทั้งลูก ทั้งคุณสามี ทำงานทั้งในบ้านนอกบ้านแบบนี้ เหนื่อยและท้อคูณสี่ไปเลยจ้า ซึ่งผลที่ตามคงหนีไม่พ้นการทะเลาะกันจนบ้านแตกแน่ๆ
โดยล่าสุดสถาบันสร้างครอบครัว ในสหรัฐฯ (Council of Contemporary Families) ได้ติดตามศึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการทำงานบ้านของคู่รัก ที่เป็นคู่รักต่างเพศและมีฐานะปานกลาง-ล่าง จากงานบ้านหลากหลายประเภท เช่น ซื้อของเข้าบ้าน ซักผ้า รีดผ้า และทำความสะอาดบ้าน
พบว่า ผู้ที่ตกเป็นฝ่ายรับภาระหน้าที่ล้างจาน ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายหญิง และหากพวกนางไม่ได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายชายเลย จะมีความรู้สึกเหนื่อยหน่ายในชีวิตคูู่และเซ็กซ์ จนมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันมากขึ้น เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีฝ่ายชายคอยสลับหน้าที่ช่วยล้างถ้วยล้างชาม กลุ่มนี้จะมีความสัมพันธ์ดำเนินไปด้วยดีและฝ่ายแม่บ้านจะรู้สึกแฮปปี้มากๆ ที่คนรักยื่นมือเข้ามาช่วยล้างจานสุดสกปรกเมื่อเทียบกับงานบ้านอื่นๆ
นอกจากนี้ในงานวิจัย ยังพบข้อมูลที่ไม่น่าอภิรมย์สำหรับแม่บ้านอีกอย่าง คือ ผู้หญิงมักถูกผลักไสให้แบกรับงานบ้านที่น่าขยะแขยง เช่น ซักผ้า ล้างห้องน้ำ และล้างจาน ขณะที่พ่อบ้านจะทำงานชิลๆ อย่างพวกตัดหญ้า ทิ้งขยะ ล้างรถ หรืองานจำพวกที่ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งน่าขยะแขยงหรือตามเช็ดตามล้างความมักง่ายของใคร
ซึ่งปัญหาที่ดูเล็กน้อยนี้ จะค่อยๆ สะสมทีละเล็กทีละน้อย จนทำให้ผู้หญิงยิ่งรู้สึกถูกกดขี่เสมือนทาสรับใช้ จนความอดทนในการชีวิตคู่จบลงและแยกย้ายกันด้วยการหย่าร้างในที่สุด
ดังนั้น คู่รักไหนที่อยากถนอมความรักให้ยาวนาน ก็เริ่มจากเรื่องง่ายอย่างการช่วยกันแบ่งเบาภาระงานบ้าน เธอกวาดฉันถู ฉันซักเธอตาก ช่วยกันล้างจานบ้าง สลับหน้าที่ความรับผิดชอบกันไป บ้านของเราช่วยกันดูแล ความรักและความสุขในชีวิตคู่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แน่นอนค่ะ ^^