หน้ากากอนามัย มีแบบไหนบ้าง ?
แบ่งได้เป็น
1.หน้ากากอนามัยผ้าฝ้าย
หน้ากากผ้าอนามัยที่ผลิตจากผ้าฝ้าย ใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลาย จากการไอหรือจาม แต่ไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมากๆ ได้ (แบบนี้ที่ศิลปินไอดอลเกาหลีมักใส่กัน)
2.หน้ากากอนามัยใยสังเคราะห์ 3 ชั้น
หน้ากากชนิดนี้ผลิตจากใยสังเคราะห์ 3 ชั้น แต่ละชั้นทำจากวัสดุพิเศษต่างกัน ดังนี้
– ชั้นนอกทำจากวัสดุ Poly Propylene Spunbond ข้อดีคือยอมให้อากาศผ่านเข้าออกและไม่ดูดซึมน้ำ มีความหนาตั้งแต่ 14-20 grams
– ชั้นกลางทำจากแผ่น Melt Blown Filter มีความหนาตั้งแต่ 20-25 grams ( การใช้แผ่น Filter ที่หนาจะให้ประสิทธิภาพการกรองเชื้อที่ดีมากว่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลการ วิเคราะห์จากองค์กรตรวจสอบการกรองเชื้อด้วย)
– ชั้นในทำมาจากวัสดุเช่นเดียวกันกับชั้นนอก แต่จะมีความหนาตั้งแต่ 20-25 grams โดยรวมแล้วคุณสมบัติของหน้ากากชนิดนี้ มีคุณสมบัติในการกรองฝุ่น ป้องกันของเหลวซึมผ่าน และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากการไอหรือจาม และเชื้อโรคจำพวกเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ การกรองได้ไม่น้อยกว่า 95% ของอนุภาคขนาด 3 ไมครอน
3.หน้ากากอนามัยชนิด N95
ได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด มีคุณสมบัติป้องกันได้ทั้งฝุ่นละออง และเชื้อโรคที่มีขนาดอนุภาคเล็ก ได้ถึง 0.3 ไมครอน อายุการใช้งานนานถึง 3 สัปดาห์ (แต่การใช้หน้ากากอนามัยเพื่อให้ถูกสุขลักษระควรเปลี่ยนทุกวันจะดีกว่า)
ปัญหาในการใหน้ากากอนามัย ใส่ยังไงให้ถูกด้าน
– แนะนำให้ใส่หน้ากากตามที่ผู้ผลิตระบุไว้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นด้านสีเข้มหรือสีอ่อน จะมีตัวกรองอยู่ตรงกลางอยู่แล้ว ประสิทธิภาพจึงไม่ได้ต่างกัน
– สิ่งสำคัญคือ ให้เอาด้านแถบเหล็กขึ้นด้านบน
– อย่าจับบริเวณผ้าของหน้ากากอนามัย ให้จับที่สายรัดแล้วจึงคล้องไปที่หู
– จัดแถบเหล็กให้เหมาะกับสันจมูก แล้วดึงด้านล่างของหน้ากากอนามัยลงมาให้ลงมาคลุมถึงใต้คาง
– เมื่อขยับหน้ากากเพื่อดื่มน้ำหรือรับประทานอาหาร ให้ล้างมือทุกครั้ง
– ห้ามใช้หน้ากากอนามันซ้ำ เพราะนั่นคือแหล่งสะสมของเชื้อโรค
– หากไม่ใช่แล้วควรทิ้งลงถังขยะที่มีฝาปิด หรือใส่ถุงพลาสติกปิดให้สนิทก่อนทิ้งทุกครั้ง
หน้ากากอนามัย ภาษาอังกฤษ = Protective mask