ติดกินของหวานก่อนนอน ทั้งเค้ก ช็อกโกแลต คุกกี้ หรือน้ำอัดลม เสี่ยงทั้งอ้วน นอนฝันร้าย และอีกหลายความเสี่ยงสุขภาพ
กินคาวไม่กินหวาน…ทำไม่เคยได้ ไหนใครชอบกินของหวานตบท้ายหลังมื้ออาหารเย็นกันบ้างคะ มันฟินใช่ไหมได้กินของอร่อยๆ ก่อนจะหมดวันอันแสนเหนื่อยล้า ทว่ากินของหวานก่อนนอนบ่อยๆ ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิดค่ะ เพราะนอกจากน้ำหนักตัวจะขึ้นแล้ว คุณยังอาจเสี่ยงต่อความเสี่ยงสุขภาพตามนี้ด้วย
1. แก่เร็ว
น้ำตาลเป็นตัวการทำให้หน้าแก่เร็วขึ้นนะคะสาวๆ เพราะน้ำตาลที่ได้จากอาหารไม่ว่าจะได้จากไอศกรีม ขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม หรือแม้แต่อาหารประเภทแป้งที่จะถูกย่อยไปเป็นน้ำตาลในท้ายที่สุด สารในน้ำตาลที่ร่างกายได้รับจะไปขัดขวางการหลั่งของโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ฟื้นฟูร่างกายในช่วงที่เรานอนหลับ ทำให้การซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกายเป็นไปอย่างไม่สมบูรณ์ ความเยาว์วัยที่ควรจะได้รับการฟื้นฟูจากกลไกของร่างกายเลยไม่ได้รับการดูแลไปด้วย
นอกจากนี้เจ้าน้ำตาลจากอาหารที่เรากินเข้าไปยังมีส่วนทำให้เซลล์ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เนื่องจากโครงสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวหนังถูกสารในน้ำตาลทำลาย ดังนั้นคนที่กินอาหารรสหวาน ของหวาน น้ำหวาน ไอศกรีม และอาหารประเภทแป้งเยอะๆ โอกาสที่ผิวจะเหี่ยวก่อนวัยก็ย่อมมีมากขึ้นนั่นเอง
2. อ้วนขึ้น
เชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอาหารที่กินแล้วอ้วนมีอะไรบ้าง และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีของหวาน ขนม นม เนย อยู่ในลิสต์ของกินชวนอ้วนในลำดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ และเราก็เชื่อว่าทุกคนรู้ดีค่ะว่า หากเรากินอาหารแคลอรีสูงก่อนเข้านอนจะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานจากของหวานที่เพิ่งกินเข้าไปไม่หมด กลายเป็นไขมันและน้ำตาลสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ เช่น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน เป็นต้น ฉะนั้นกินของหวานก่อนนอนอ้วนไหม ตอบตรงนี้เลยว่า อ้วนแน่ ไม่รอด ! คนลดน้ำหนักอยู่ก็เลิกพฤติกรรมนี้ซะนะ
3. น้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงเบาหวาน
การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหวาน ไอศกรีม ขนมหวาน หรือช็อกโกแลตก่อนนอน รวมไปถึงอาหารประเภทแป้งอย่างขนมปังทั้งหลายด้วยนะคะ อาหารน้ำตาลสูงเหล่านี้จะทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นได้ทันทีที่กินเข้าไป เนื่องจากเป็นน้ำตาลที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที ซึ่งหากมีภาวะเป็นเบาหวานอยู่แล้ว เคสนี้อันตรายมากเชียวล่ะค่ะ
ส่วนคนที่ยังไม่เป็นโรคเบาหวาน พฤติกรรมกินขนมหวานก่อนนอนก็อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคนี้ให้คุณได้เช่นกัน เนื่องจากเมื่อร่างกายมีปริมาณน้ำตาลมากๆ อินซูลินจะหลั่งออกมาเพื่อจัดการน้ำตาลเหล่านี้ในร่างกาย ยิ่งมีน้ำตาลมาก อินซูลินก็ยิ่งหลั่งมากจนในที่สุดการทำงานของอินซูลินก็จะแปรปรวน นำไปสู่โรคเบาหวานในท้ายที่สุด
4. เสี่ยงกรดไหลย้อน
กินแล้วนอน พฤติกรรมนี้สุ่มเสี่ยงโรคกรดไหลย้อนหนักมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบกินอาหารไขมันสูง เช่น ไอศกรีม วิปครีม เค้ก ขนมหวานใส่กะทิ หรืออาหารที่มีแก๊สสูงอย่างน้ำอัดลม ก็จะยิ่งก่ออาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และเพิ่มกรดให้กระเพาะอาหารมากขึ้น ในขณะเดียวกันนั้น น้ำย่อยและกรดในกระเพาะอาหารที่ต้องมาทำหน้าที่ย่อยของหวานที่เรากินเข้าไปก็จะมารวมตัวอยู่ในกระบวนการย่อยอาหารด้วย ซึ่งหากร่างกายยังทำการย่อยอาหารไม่จบกระบวนการ ทันทีที่เราล้มตัวลงนอนก็อาจทำให้กรดไหลย้อนมาที่หลอดอาหาร จนรู้สึกถึงรสน้ำย่อยเปรี้ยวๆ ในคอได้เลยล่ะค่ะ
5. นอนไม่หลับ
การนอนหลับจะเป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อน นั่นหมายความว่าระบบการทำงานของร่างกายจะทำงานช้าลง แต่หากเรากินอาหารอะไรเข้าไปก่อนจะนอน สิ่งที่ไม่ได้พักผ่อนก็คือระบบย่อยอาหารของเราเองนี่แหละค่ะ และเมื่อระบบย่อยอาหารกำลังทำงานอย่างเต็มกำลัง กระบวนการนี้ก็จะก่อให้เกิดพลังงานและคลื่นความร้อนในร่างกาย ส่งผลให้เรานอนหลับไม่สบาย นอนหลับกระสับกระส่ายไปทั้งคืน
6. ฝันร้าย
กินของหวานก่อนนอนใครว่าจะฟิน ! เพราะจริงๆ แล้วการกินอาหารน้ำตาลสูง ไขมันสูง (จากเนย นม ครีมเทียม วิปปิ้งครีม ครีมเค้ก หรือกะทิ) ซึ่งต้องทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานในช่วงที่ควรพักผ่อน ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบให้เรานอนไม่หลับเท่านั้น แต่มีส่วนสร้างฝันร้ายให้เราได้ด้วยนะคะ เพราะสมองที่ต้องสั่งการให้ระบบย่อยอาหารทำงาน ก่อให้เกิดอาการนอนไม่หลับ นอนกระสับกระส่าย หรือบางคนอาจจะรู้สึกร้อนๆ ตอนนอน ความนอนไม่สบายแบบนี้นี่แหละที่จะทำให้เราฝันร้ายเป็นตุเป็นตะขึ้นมาได้
หากใครชอบกินของหวานก่อนนอน และคิดว่ากินไม่บ่อยคงไม่เป็นไรหรอก ลองกลับตัวกลับใจดูนะคะ อย่าปล่อยให้พฤติกรรมชอบกินของหวานก่อนนอนมาบั่นทอนสุขภาพเราเลย