เทรนด์คนรักสุขภาพกำลังมา และไขมันก็กำลังจะโดนกำจัดให้หมดไปจากโลกใบนี้ โดยส่วนใหญ่ก็มักเริ่มจากการเปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ในครัว จากน้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช เพราะคิดว่ามันจะสามารถช่วยทำให้สุขภาพร่างกายดีขึ้นได้ แถมในอินเทอร์เน็ตยังเคยมีกระแสโจมตีน้ำมันหมูว่าอันตรายมากอีกด้วย แล้วใครล่ะจะกล้าเสี่ยงกินต่อไป GangBeauty ไม่อยากให้เธอหลงเชื่ออินเทอร์เน็ตมากจนเกินไป จึงได้นำเอาข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมาฝากเธอ ไว้เป็นตัวช่วยในการพิจารณาเลือกใช้น้ำมันละกันเนอะ!
เริ่มต้นจากประโยชน์ของน้ำมันหมูกันก่อน แม้คนไทยอาจจะรู้สึกว่าไหนประโยชน์ มีแต่โทษ แถมยังอ้วนตั้บ แต่ความจริงประโยชน์มันก็มี ยกตัวอย่างเช่นทำให้อาหารประเภททอดไม่มีกลิ่นหืน กรอบ หอม และยังเป็นน้ำมันที่ผลิตได้ง่าย ซื้อมันหมูมาเจียวเองก็ได้แล้ว ซึ่งถ้าถามว่ามันอันตรายไหม ทางการแพทย์เผยแล้วนะว่าถ้าวันนึงเรากินน้ำมันหมูในปริมาณที่ไม่มาก ประมาณ 6 ช้อนชาต่อวัน ก็ไม่ได้มีผลอะไร ร่างกายสามารถกำจัดออกได้ แต่ถ้ากินมากไป ก็ทำให้เสี่ยงเป็นโรคเกี่ยวกับไขมันได้เหมือนกัน
แต่ถึงแม้น้ำมันพืชจะไม่มีไขมันอิ่มตัวที่อันตราย ก็ยังไม่เหมาะที่จะใช้ทำอาหารในบางประเภทเหมือนกัน ดังนั้นในครัวของเธอ ก็ควรมีทั้งน้ำมันพืช และน้ำมันปาล์ม อย่างเช่นประเภททอดก็ควรใช้น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันหมู เพราะต้องใช้ความร้อนที่สูงมาก และจำเป็นมากที่ต้องใช้น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง ซึ่งสามารถคงทนต่อความร้อนได้ดี ทำให้ไม่เกิดกลิ่นควัน ไม่เกิดกลิ่นหืนน้ำมัน แต่ถ้าเป็นอาหารผัด ปริมาณน้ำมันพอขลุกขลิก ความร้อนไม่ต้องสูงมาก ก็ควรใช้น้ำมันพืชเพื่อให้ไขมันในร่างกายของเรามีความสมดุลย์นั่นเอง
สรุปคือ น้ำมันหมูมีไขมันมากกว่าน้ำมันพืช มีคอเรสเตอรอล แต่ไม่ได้อันตรายกับร่างกายเหมือนที่เข้าใจกัน และน้ำมันพืชเองก็ไม่ได้สามารถตอบสนองการทำอาหารได้ทุกรูปแบบ จริงอยู่ว่าไม่มีคอเรสเตอรอล แต่ถ้านำไปใช้ทอดอาหาร กลิ่นหืน และควันที่เกิดขึ้นจากการทอด ก็อาจทำให้เธอเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้เหมือนกัน ดังนั้นควรรับประทานน้ำมันทั้งสองแบบให้สมดุลย์กันจะดีที่สุดจ้ะ
ให้ความสำคัญในเรื่องอาหาร 5 หมู่และการออกกำลังกายดีกว่านะ!