ถือเป็นอีกหนึงพืชสมุนไพรที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนานสำหรับ ย่านาง หรือพืชที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Tiliacora triandra (Colebr.) Diels ภาษาอังกฤษเรียกกันว่า Bamboo grass สำหรับบ้านเราก็มีชื่อเรียกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็น จ้อยนาง เถาย่านาง เถาวัลย์เขียว ยาดนาง โดยใบย่างนางนั้นมีสรรพคุณเป็นยาและมีคุณค่าทางโภชนาการเยอะมากโดยในใบย่านาง100กรัมจะมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
– พลังงาน 95 กิโลแคลอรี
– เส้นใย 7.9 กรัม
– แคลเซียม 155 มิลลิกรัม
– ฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม
– เหล็ก 7.0 มิลลิกรัม
– วิตามินเอ 30625 IU
– วิตามินบีหนึ่ง 0.03 มิลลิกรัม
– วิตามินบีสอง 0.36 มิลลิกรัม
– ไนอาซิน 1.4 มิลลิกรัม
– วิตามินซี 141 มิลลิกรัม
– โปรตีน 15.5 เปอร์เซนต์
– ฟอสฟอรัส 0.24 เปอร์เซนต์
– โพแทสเซียม 1.29 เปอร์เซนต์
– แคลเซียม 1.42 เปอร์เซนต์
– แทนนิน 0.21 เปอร์เซ็นต์
สรรพคุณทางยาของย่านาง
ย่านางนั้นมีสรรพคุณทางยาที่ขึ้นชื่อมากมาย ซึ่งสรรพคุณทางยาไม่ได้มีเพียงแค่ในใบย่านางเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนอื่นๆ ของต้นก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน
*สรรพคุณรากย่านาง
รากของย่านาง นิยมนำมาใช้เพื่อแก้อาการไข้ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นไข้พิษ ไข้เหนือ ไข้หัด ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ หรือ ไข้ทับระดู และอาการเบื่อเมา นอกจากนี้รากของย่านางยังเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของตำรับยาเบญจโลกวิเชียร หรือยา 5 ราก หรือแก้วห้าดวง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขประกาศใช้ในบัญชียาสมุนไพร โดยยาดังกล่าวเป็นสามารถรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในขณะเริ่มแรกได้ โดยนำรากแห้งต้มกับน้ำครั้งละ 1 กำมือ แล้วดื่มก่อนอาหาร วันละ 3 ครั้ง
ใบย่านาง คือเป็นส่วนที่มีประโยชน์และถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคมากที่สุด เพราะเป็นพืชที่มีฤทธิ์เย็น และมีสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง นอกจากนี้ถูกจัดเอาไว้ในตำราสมุนไพรว่าเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของใบย่านางในการรักษาโรคมีดังนี้
รักษาและป้องกันโรคภัยต่างๆ
-ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
-ช่วยป้องกันและบำบัดการเกิดโรคหัวใจ
-ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งได้
-สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็ง หากดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ จะทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง
-ช่วยป้องกันและรักษาโรคภูมิแพ้ ไอจาม มีน้ำมูกและเสมหะ
-ช่วยรักษาอาการร้อนแต่ไม่มีเหงื่อ
-ช่วยรักษาอาการของโรคเบาหวาน โดยไปลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลง
-มีส่วนช่วยช่วยอาการปวดตึง ปวดตามกล้ามเนื้อ ปวดชาบริเวณต่างๆ
-มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรีย
-ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อยๆ
-ช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อตหรือมีเข็มแทงหรือมีอาการร้อนเหมือนไฟ
-ช่วยแก้อาการเหงือกอักเสบอย่างรุนแรงและเรื้อรัง
-ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ
-ช่วยรักษาโรคไทรอยด์เป็นพิษ
-ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
-ช่วยป้องกันการเกิดโรคเกาต์
ระบบทางเดินอาหาร
-ช่วยรักษาอาการท้องเสีย เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุได้
-ช่วยบรรเทาอาการอาการปวดท้องอย่างเฉียบพลัน
-ช่วยแก้อาการท้องผูก ลดอาการแสบท้อง
-ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ
-ช่วยลดอาการหดเกร็งตามลำไส้
-ช่วยรักษาอาการกรดไหลย้อน
ระบบทางเดินหายใจ
-ช่วยป้องกันและรักษาโรคหอบหืด
-ช่วยรักษาอาการของโรคไซนัสอักเสบ
ระบบผิวหนัง
-ช่วยชะลอและลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
-ช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเลือดฝอยในร่างกายแตกใต้ผิวหนังได้ง่าย
-ช่วยรักษาอาการตกกระที่ผิวเป็นจ้ำๆ สีน้ำตาลตามร่างกาย
-ช่วยในการรักษาโรคเริม งูสวัด
-รักษาสิว ฝ้า ตุ่มคัน ตุ่มใส ผื่นคัน พอกฝีหนอง โดยการน้ำใบย่านางเมื่อนำมาผสมกับดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากจนเหลว แล้วนำมาทา
-ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
-ช่วยรักษาอาการผิวหนังมีความผิดปกติคล้ายรอยไหม้
-ช่วยป้องกันและรักษาอาการส้นเท้าแตก เจ็บส้นเท้า
-ช่วยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าผุ โดยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าขวางสั้น ผุ ฉีกง่าย หรือในเล็บมีสีน้ำตาลดำคล้ำ อาการอักเสบที่โคนเล็บ
ระบบสืบพันธุ์และทางเดินปัสสาวะ
-ช่วยรักษาโรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วในถุงน้ำดี
-ช่วยรักษาอาการปัสสาวะแสบขัด ออกร้อนในทางเดินปัสสาวะ
-ช่วยแก้อาการปัสสาวะมีสีเข้ม ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการปัสสาวะออกมาเป็นเลือด
-ช่วยรักษาอาการมดลูกโต อาการปวดมดลูก ตกเลือดได้
-ช่วยบำบัดรักษาโรคต่อมลูกหมากโต
-ช่วยป้องกันโรคไส้เลื่อน
-ช่วยรักษาอาการตกขาว
สร้างเสริมและบำรุงสุขภาพ
-ช่วยลดน้ำหนัก โดยการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงาน
-ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านโรคในร่างกายให้แข็งแรง
-ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย
-ช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย
-ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย
-ช่วยในการบำรุงรักษาตับ และไต
-ช่วยรักษาและบำบัดอาการอัมพฤกษ์
-ช่วยแก้อาการอ่อนล้า อ่อนเพลียของร่างกาย
-ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อยๆ
-ช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อตหรือมีเข็มแทงหรือมีอาการร้อนเหมือนไฟ
-ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียนได้
-ช่วยแก้อาการง่วงนอนหลังการรับประทานอาหาร
-ช่วยแก้อาการเลือดกำเดาไหล
-ช่วยในการบำรุงสายตาและรักษาโรคเกี่ยวกับตา เช่น ตาแดง ตาแห้ง ตามัว แสบตา ปวดตา ตาลาย เป็นต้น
-ช่วยรักษาอาการปากคอแห้ง ริมฝีปากแตกหรือลอกเป็นขุย
-ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเสมหะเหนียวข้น ขาวขุ่น มีสีเหลืองหรือเขียว หรืออาการเสมหะพันคอ
-ช่วยลดอาการนอนกรน
-ช่วยแก้อาการเจ็บปลายลิ้น
-ช่วยป้องกันและบำบัดรักษาโรคหัวใจ
-ช่วยป้องกันและรักษาโรคหอบหืด
-ช่วยรักษาโรคตับอักเสบ
*สรรพคุณเถาย่านาง
เถาของย่านางช่วยลดความร้อนและแก้พิษตานซาง และยังมีข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุอีกว่า สามารถช่วยต้านมาลาเรีย และยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ได้
ประโยชน์ของใบย่านาง
ใบย่านางนั้นมีประโยชน์ในการช่วยชะลอการเกิดผมหงอก ทำให้ผมดำและนุ่มชุ่มชื้น และยังมีการนำมาทำเป็นอาหารโดยเฉพาะอาหารที่มีส่วนผสมของหน่อไม้ เพราะน้ำใบย่านางนั้นสามารถช่วยต้านพิษกรดยูริกที่มีในหน่อไม้ได้ แถมยังนิยมนำมาทำอาหารชนิดต่างๆ เช่น แกงหน่อไม้ ซุบหน่อไม้ แกงอ่อม แกงเห็ด แกงเลียง หรือรับประทานสดๆ กับน้ำพริกอีกด้วย
วิธีการทำน้ำใบย่านาง
โดยส่วนใหญ่แล้วการนำย่านางมาใช้นั้นมักจะนำมาใช้โดยการคั้นน้ำและเอาไปเป็นส่วนผสมในการทำอาหารนำมาดื่มเพื่อรักษาโรคต่างๆ ซึ่งหมอเขียวก็ได้แนะนำวิธีใช้ใบย่านางเอาไว้ในหนังสือ เรามาดูกันดีกว่าว่า น้ำใบย่านางนั้นมีวิธีการทำอย่างไรบ้าง
วิธีการทำน้ำใบย่านางสูตรหมอเขียว
สูตรนี้ เป็นการใช้ใบย่านางในการเพิ่มคลอโรฟิลล์ คุ้มครองเซลล์ ฟื้นฟูเซลล์ ปรับสมดุล บำบัดหรือบรรเทาอาการที่เกิดจากภาวะไม่สมดุลของร่างกาย ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้
ใบย่านาง
– เด็ก ใช้ใบย่านาง 1-5 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว 200-600 ซีซี
– ผู้ใหญ่ ที่รูปร่างผอม บางเล็ก ทำงานไม่ทน ใช้ 5-7 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
– ผู้ใหญ่ที่รูปร่างผอม บาง เล็ก ทำงานทน ใช้ 7-10 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
– ผู้ใหญ่ที่รูปร่างสมส่วน ตัวโต ใช้ 10-20 ใบ ต่อน้ำ 1-3 แก้ว
วิธีทำ
1. ใช้ใบย่านางสด มาล้างทำความสะอาดโขลกให้ละเอียดแล้วเติมน้ำ หรือขยี้ใบย่านางกับน้ำหรือปั่นในเครื่องปั่น (แต่การปั่นในเครื่องปั่นไฟฟ้า จะทำให้ประสิทธิภาพลดลงบ้าง เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายความเย็นของย่านาง)
2. กรองน้ำใบย่านางที่ได้ผ่านกระชอนเอาแต่น้ำ
3. ดื่มครั้งละ 1/2-1 แก้ว วันละ 2-3 เวลา ก่อนอาหาร หรือตอนท้องว่างหรือผสมเจือจางดื่มแทนน้ำ เพราะถ้าเกิน 4 ชม. มักจะมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ไม่เหมาะที่จะดื่ม แต่ถ้าแช่ในตู้เย็น ควรใช้ภายใน 3-7 วันโดยให้สังเกตุที่กลิ่นเปรี้ยวเป็นหลัก
หมายเหตุ
ถ้าจะให้ได้รสชาติ คั้นกับใบเตย จะหอมอร่อยมาก หรือจะใส่กับน้ำมะพร้าวก็จะหอมชื่นใจมากขึ้น ( แต่ถ้าใส่น้ำมะพร้าวจะเสียเร็วนะ) ผักฤทธิ์เย็น นำมาคั้นร่วมกับย่านางก็ได้ เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ใบบัวบก ใบเตย
วิธีการทำน้ำใบย่านางสูตรทั่วไป
ส่วนผสม
– ใช้ใบย่านาง 30-50 ใบ
– น้ำดื่ม 4.5 ลิตร
– ใบเตย 10 ใบ
วิธีการทำ
1. ตัดหรือฉีกใบย่านางและใบเตยให้เล็กลง แล้วนำไปโขลกให้ละเอียด หรือขยี้ หรือนำไปปั่น
2. กรองด้วยผ้าขาวบาง หรือตะแกรงตาถี่เอาแต่น้ำสีเขียว แล้วนำไปดื่มแทนน้ำได้ทั้งวัน ที่เหลือให้เก็บไว้ในตู้เย็นไว้ดื่มได้ 4 – 5 วัน ถ้ารสชาติเริ่มเปรี้ยวควรทิ้งทันที
วิธีการทำน้ำใบย่างนางสูตรที่ 2
ส่วนผสม
– ใบย่านาง 5-20 ใบ
– ใบเตย 1-3 ใบ
– บัวบก ครึ่ง-1 กำมือ
– หญ้าปักกิ่ง 3-5 ต้น
– ใบอ่อมแซบ (เบญจรงค์) ครึ่ง-1 กำมือ
– ใบเสลดพังพอน ครึ่ง?1 กำมือ
– ว่านกาบหอย 3-5 ใบ
วิธีการทำ
1. ตัดหรือฉีกใบย่านาง ใบเตย ใบบัวบก หญ้าปักกิ่ง ใบเบญจรงค์ และใบเสลดพังพอนให้เล็กลง แล้วนำไปโขลกให้ละเอียด หรือขยี้ หรือนำไปปั่น
2. กรองด้วยผ้าขาวบาง หรือตะแกรงตาถี่เอาแต่น้ำสีเขียว แล้วนำไปดื่มแทนน้ำได้ทั้งวัน ที่เหลือให้เก็บไว้ในตู้เย็นไว้ดื่มได้ 4 – 5 วัน ถ้ารสชาติเริ่มเปรี้ยวควรทิ้งทันที
นอกจากนี้ยังมี วิธีทำน้ำใบย่านางอีกสารพัดสูตรตามเข้าไปดูเลยค่ะ “สูตรน้ำใบย่านาง”
เทคนิควิธีการปั่นใบย่านาง
การทำน้ำใบย่านาง โดยใช้เครื่องปั่นให้คงคุณค่าสารอาหาร เทคนิคอยู่ที่วิธีการปั่นคือ ไม่ควรกดปั่นครั้งเดียวจนใบย่านางละเอียด ควรใช้วิธีกดปั่น แล้วนับ 1-2-3-4-5 อย่างเร็ว แล้วรีบกดปิด รอให้น้ำใบย่านางหยุดหมุน แล้วกดปั่นอีกครั้งนับ 1-2-3-4-5 อย่างเร็วแล้วรีบกดปิด รอให้น้ำใบย่านางหยุดหมุนทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนใบย่านางละเอียด วิธีนี้ทำให้โมเลกุลของสารอาหารไม่เปลี่ยนรูปร่างไปจากเดิม เสร็จแล้วจึงนำมากรองเอาแต่น้ำค่ะ
แกงหน่อไม้ใบย่านาง
หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมต้มหน่อไม้ต้องใส่ใบย่านาง ? ก็เพราะมีความเชื่อกันมาว่า หน่อไม้มีฤทธิ์ร้อน กินมากๆ จะทำให้ท้องอืด จึงต้องแก้ด้วยน้ำใบย่านางซึ่งมีฤทธิ์เย็น นี่เองที่ทำให้หน่อไม้กับใบย่านางกลายเป็นของคู่กันไปซะแล้ว
ถ้ารู้แล้วว่า หน่อไม้กับใบย่านางเป็นของคู่กัน แบบนี้ก็ต้องลองมาทำเมนูที่มีทั้งหน่อไม้และใบย่านางกันดูสักหน่อย กับเมนูที่มีชื่อว่า แกงหน่อไม้ใบย่านาง เมนูโปรดของคออาหารอีสานรสแซ่บ ที่จะพาทุกคนไปอร่อยไปกับหน่อไม้กรอบๆ เข้ากันดีกับน้ำใบย่านาง แถมยังมีผัก และเห็ดนานาชนิดเต็มถ้วยไปหมด กลิ่นหอมฟุ้งเลยทีเดียว ยิ่งถ้าใครชอบกินปลาร้าด้วยแล้ว รับรองเลยว่าเด็ดโดนใจ แถมในน้ำใบย่านางยังมีประโยชน์ต่อร่างกายเราอีกด้วย
เอาล่ะ ถ้าใครสนใจจะเข้าครัวไปทำ แกงหน่อไม้ใบย่านางกันแล้ว ก็ตามมาดูวิธีทำแกงหน่อไม้ใบย่านางด้านล่างนี้กันได้ที่นี่เลยค่ะ “วิธีทำแกงหน่อไม้ใบย่านาง”
โทษของใบย่านาง
ในปัจจุบันยังไม่มีการวิจัยใดพิสูจน์ได้ว่าใบย่านางนั้นมีโทษต่อร่างกายอย่างไร แต่ก็มีคำเตือนว่าผู้ที่ป่วยในโรคไตระยะสุดท้ายไม่ควรดื่มน้ำใบย่านาง เพราะสารอาหารอย่างวิตามินเอ ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมที่อยู่ในใบย่านางนั้นจะทำให้เกิดการคั่งได้หากการทำงานของไตลดลง
นอกจากนี้ใบย่านางถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ เช่น ใบย่านางแคปซูล สบู่ใบย่านาง แชมพูใบย่านาง เครื่องดื่มสมุนไพร ซึ่งทำให้สามารถนำไปใช้ได้สะดวกมากขึ้น แต่ก็ควรที่จะศึกษาให้ดีก่อนนำมาใช้ เพราะบางทีอาจจะมีส่วนผสมบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เพื่อความปลอดภัย ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้จะดีที่สุดนะคะ
เป็นอย่างไรกันบ้างได้ทราบสรรพคุณที่มากมายจนน่ามหัศจรรย์ของสมุนไพรย่านางกันไปแล้ว คงจะเริ่มสนใจนำสมุนไพรชนิดนี้มาใช้กันแล้วใช่ไหมล่ะ แต่ก็ควรใช้ให้ถูกวิธีและเหมาะสมนะ เพราะสมุนไพรชนิดนี้ถึงมีแม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ถ้าหากเราใช้มากเกินไปและไม่ถูกวิธีก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ค่ะ