ตื่นเช้ามาล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าว เข้างาน ตกเย็นมาก็วนกลับ กินข้าว อาบน้ำ ล้างหน้า นอน! กิจวัตรประจำวันของเธอคงเป็นแบบนี้สินะในสังคมที่การแข่งขันสูงลิ่วขนาดนี้ รู้มั้ยว่ามันเป็นกิจวัตรที่แย่โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะหลังกินข้าวเนี่ย ถือเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่เธอและใครหลายคนมักทำพลาดมาตลอดชีวิต! GangBeauty บอกเลยว่าควรปรับแก้ตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่จะอยู่กับตัวเราเองไปอีกนาน!
1. อาบน้ำ
หลายบ้านเป็นกันอยู่ ที่หลังมื้ออาหารปุ๊บ ทุกคนจะรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายก่อนมานอนดูละครตอนสามทุ่ม ซึ่งมันไม่ดีนะ ตอนที่เราอาบน้ำ อุณหภูมิในร่างกายเราจะสูงขึ้นเล็กน้อย และร่างกายก็จะทำการส่งเลือดเข้าไปในเส้นเลือดมากกว่าปกติ ทำให้การย่อยอาหารและเผาผลาญลดประสิทธิภาพลง ทางที่ดี กินข้าวอิ่มแล้วก็นั่งรอเวลาก่อน สัก 30 นาทีค่อยไปอาบน้ำก็จะดีมาก
2. ดื่มชาเคลียร์ปาก
กินข้าวเสร็จมันก็ต้องกินน้ำล้างปาก จะเป็นน้ำไหนก็ได้ แต่อย่าให้เป็นน้ำชาเลย เพราะผลจากการศึกษาเผยมาแล้วว่าเครื่องดื่มประเภทชาจะรบกวนการดูดซึมของธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายของเธอดูดธาตุเหล็กจากอาหารที่เรากินเข้าไปไม่ได้ ถ้าชอบแนวนี้เปลี่ยนเป็นกาแฟแทนก็ได้นะ แต่อย่ากินตอนท้องว่างล่ะ หลังอาหารน่ะโอเค
3. นอน
กินแล้วก็นอน นับเป็นสโลแกนของคนขี้เกียจแห่งปีที่ขอบอกเลยว่ามันแย่มาก เพราะมันส่งผลให้เกิดอาการเสียดท้อง เรอ และมีกรดมากเกินไปในกระเพาะอาหาร ผู้เชี่ยวชาญแนะนำมาว่าควรจะนอนหลังจากกินข้าวเสร็จไปก่อนอย่างน้อยสัก 2 ชั่วโมง ให้กรดและอาหารต่างๆที่เข้าสู่ร่างกาย ย่อยสลายเข้าเซลล์ต่างๆไปก่อนนั่นเอง
4. ออกกำลังกาย
กินเสร็จ พุงมันก็ป่อง มีแรงแล้วด้วย จะรออะไร ออกกำลังกายกันเลยค่ะสาวเฮลท์ตี้ แต่มันเป็นเรื่องที่แย่มากเลยนะจะบอกให้ เพราะมันอาจทำให้เรารู้สึกอึดอัดจนอาจเกิดอาการสะอึกได้ในขณะที่กำลังออกกำลังกาย แถมยังเสี่ยงให้เธอเกิดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายได้ด้วย ทางที่ดี กินเสร็จก็พักไปก่อนสัก 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นจะเดินย่อยอาหารแบบเบาๆก่อนก็ได้
5. สูบบุหรี่
บุหรี่ปกติก็ไม่ดีอยู่แล้ว ยิ่งมาสูบหลังกินข้าวเสร็จนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะร่างกายเราจะเพิ่มค่านิโคตินเป็น 2 เท่าโดยอัตโนมัติ ซึ่งมันส่งผลแย่ต่อสมองมากเลยล่ะ นอกจากนี้ยังมีการค้นพบอีกว่า การสูบบุหรี่จะลดการดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุเข้าสู่ร่างกาย ถ้าเป็นผู้หญิงห้าว สูบบุหรี่เป็นกิจจลักษณะ หลังกินข้าวก็พักก่อนสัก 20 นาทีละกัน
เรื่องแบบนี้เชื่อไว้บ้าง ก็ไม่เสียหายหรอกใช่มั้ย!