ผิวหน้าดีไม่ได้อยู่ที่การบำรุงด้วยครีมหรือคอร์สความงามราคาแพงเสมอไป เคยไหมตื่นนอนตอนเช้าแล้วพบว่าผิวหน้าดูแย่ ไม่สวยงามเหมือนนางเอกละคร ผิวดูไม่เฟรชสดใส ซึ่งส่งผลถึงอารมณ์ที่แย่ตามไปด้วยในแต่ละวัน ปัญหาผิวที่ว่าอาจเกิดจากนิสัยแย่ๆ ก่อนนอนหรือตอนนอนที่สาวๆ อาจเผลอทำเป็นนิสัยจนส่งผลร้ายต่อผิว งั้นเรามาเช็คนิสัยแบบผิดๆ ตัวการร้ายทำลายผิวกันดีกว่าค่ะ
1. นอนหลับทั้งที่ยังแต่งหน้า
ยอมรับมาซะดีๆ ว่าหลายคนใช้ข้ออ้างว่าทำงานเหนื่อย พอกลับมาบ้านก็เผลอหลับไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เช็ดเครื่องสำอางหรือล้างหน้า พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลร้ายต่อผิวอย่างรุนแรง เพราะนั่นหมายถึงมลภาวะและสิ่งสกปรกที่เจอในระหว่างวันถูกหมักหมมไว้บนหน้า ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสิวและผิวหมองคล้ำตามมาด้วย
2. ไม่ทาครีมบำรุงผิวก่อนนอน
รู้ไหมว่าช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการบำรุงผิวหน้า หากผิวหน้าได้รับสารอาหารที่ดี ย่อมส่งผลต่อการบำรุงที่ล้ำลึก ฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรง แต่หากสาวๆ เลือกที่จะไม่บำรุงผิวหน้าในระหว่างนอนหลับ ผิวอาจอ่อนแอและฟื้นฟูสภาพได้น้อยลง เกิดปัญหารอยเหี่ยวย่นและผิวหย่อนคล้อยตามมา รู้แบบนี้แล้วก็ต้องรีบหาครีมบำรุงดีๆ ทาก่อนนอนกันด้วยนะ
3. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน
ผู้หญิงบางคนติดนิสัยดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนเพื่อให้นอนหลับสบาย รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่รู้บ้างไหมว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปจะไปขัดขวางวงจรการนอนหลับลึก ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูได้อย่างไม่เต็มที่ อีกทั้งแอลกอฮอล์ทั้งหลายยังเป็นตัวการร้ายผิวให้ดูแก่กว่าวัยอีกด้วย ถ้าไม่อยากแก่เร็วก็งดดื่ม แล้วหันมาพึ่งน้ำมันหอมระเหยช่วยให้นอนหลับได้อย่างผ่อนคลายกันดีกว่าค่ะ
4. นอนแบบผมปรกหน้า กระเซอะกระเซิง
หากสาวๆ ชอบนอนทับเส้นผม แล้วปล่อยให้ผมรกรุงรังปิดหน้าปิดตาในระหว่างนอน เส้นผมของสาวๆ จะทำให้ผิวหน้าดูแย่ลง เพราะในเส้นผมมีน้ำมัน เมื่อสัมผัสผิวหน้าเป็นเวลานานในระหว่างการนอนจึงอาจมีแนวโน้มกระตุ้นทำให้เกิดสิวเม็ดเล็ก เม็ดใหญ่บนใบหน้าเอาได้
5. นอนหลับในห้องที่อุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป
อุณหภูมิภายในห้องนอนส่งผลโดยตรงต่อสภาพผิวของสาวๆ อย่างแน่นอน อากาศเหล่านี้จะเป็นตัวดึงความชุ่มชื้นบนผิวของเราไปและทำให้ผิวดูแห้งแตกได้ ดังนั้นนอกจากทาครีมแล้วก็ต้องปรับอุณหภูมิห้องให้อยู่ในระดับที่พอดีกันด้วยนะจ๊ะ
6. ไม่เปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าปูที่นอน
เชื่อว่าทุกคนคงรู้ดีว่าผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและไรฝุ่นที่เป็นสารก่อภูมิแพ้และเป็นอันตรายต่อผิว แต่เพราะไม่มีเวลาก็เลยไม่ยอมเปลี่ยนสักที นอนกับผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอนเดิมเป็นเดือนๆ นี่แหละตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ผิวระคายเคืองจนเกิดปัญหาสิวหรือผดผื่นตามมา ลองหันมาดูแลใส่ใจผิว โดยการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพียงเท่านี้ก็ลดปัญหาผิวและภูมิแพ้ได้บ้างแล้ว
7. ติดนอนตะแคงหรือคว่ำหน้า
การนอนตะแคงหรือนอนคว่ำหน้าอาจเป็นอิริยาบถที่หลายคนชอบพราะทำให้หลับสบาย แต่นั่นอาจทำให้ผิวถูกทำร้ายโดยไม่รู้ตัว เพราะการนอนในลักษณะนี้ ผิวหน้าและหมอนจะเกิดการเสียดสี กดทับกันอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ตามมา แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการนอนแบบนี้และควรฝึกนอนหงายไว้ดีกว่า ก่อนที่รอยตีนกาจะแวะมาหาก่อนวัยอันควร
8. นอนดึกไม่เป็นเวลา
ผิวของคนเรามีช่วงสำหรับการฟื้นฟูในแต่ละเวลาที่ต่างกัน โดยการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นที่ดีควรทำตอน 20:00 น. และเริ่มกระบวนการฟื้นฟูตัวเองในช่วงเวลา 3:00-05:00 น. ดังนั้นสาวๆ จึงควรทาครีมบำรุงก่อน 2 ทุ่มแล้วเข้านอน 4 -5 ทุ่ม เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงและฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ หากสาวๆ นอนดึกหรือนอนไม่เป็นเวลาก็ย่อมส่งผลให้ผิวไม่ได้รับการฟื้นฟู ทำให้ผิวหน้าแย่ ดูหมองคล้ำ และโทรม เพราะฉะนั้นหลังจากวันนี้มาปรับเวลาให้นอนเร็วๆ กันเถอะ
อยากมีผิวสวยใสทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ปรับพฤติกรรมขณะนอนหลับและก่อนนอนให้ถูกวิธี ทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่แล้ว