อย่าเพิ่งคิดว่าการลดน้ำหนักเป็นเรื่องยาก ถ้ายังไม่ได้อ่านประสบการณ์ของคุณสมาชิกหมายเลข 3353855 เพราะเธอใช้วิธีลดน้ำหนักแบบง่ายๆ แค่เลือกกิน ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เผลอแป๊บเดียวน้ำหนักก็หายไปเกือบ 10 กิโลกรัมเลย แถมสัดส่วนต่างๆ ก็กลับมาเป๊ะขึ้นเยอะ ลองไปติดตามกันค่ะว่าเธอทำได้อย่างไร
ลดน้ำหนักง่ายๆ ฉบับชิวมากก เกือบ 10 kg.
โดย คุณสมาชิกหมายเลข 3353855 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สวัสดีทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านนะค้าา ชื่อหยกน้อ นี่เป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มที่จะตั้งกระทู้ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยเจ้าค่ะ
จุดประสงค์ของกระทู้ ข้าน้อยจะมารีวิว “ลดน้ำหนักง่ายๆ ฉบับชิวมากกก เกือบ 10 kg.”
ไหนๆ ก็จะปีใหม่แล้ว Happy new year 2020 อยากให้ทุกคนเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง จริงๆ ความคิดในการคิดอยากจะผอมลง คิดมานานมากแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนเลยสักครั้งที่ตัวเองจะเริ่มจริงจังที่จะก้าวออกมาจากพฤติกรรมแบบเดิมๆ
ไม่ว่าจะการกิน การใช้ชีวิตประจำวัน คือแบบมันเริ่มสะสมมาจนถึงจุดจุดหนึ่งที่ทุกคนเริ่มทักว่าอ้วน หรือ เวลาเรามองตัวเองที่กระจก คือมันเฟลนะ กางเกงตัวเดิมที่เคยใส่ได้แบบมันแน่นไปหมด ถ่ายรูปออกมาก็ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ฉันจะทำยังไงดี คำพูดเหล่านั้นที่สะสมมา มันทำให้เราเริ่มก้าวออกมาจากที่เดิมๆ เริ่มที่จะลดน้ำหนักอย่างจริงจัง
ดูขากับแก้มของเราสิ มันแน่นมากก คือตอนนั้นรู้สึกว่าตัวจะแตกแล้ว จะบอกให้นะคะว่าช่วงนั้นเรามีพฤติกรรมการกินยังไง
OMG 55555555555555555 ยิ่งดึก ยิ่งกินจ้าา
เเล้วช่วงนั้นเป็นช่วงเราเพิ่งจะได้ย้ายบ้านใหม่ เป็นละแวกหมู่บ้าน ซึ่งแถวนั้นของกินเยอะมากค่าา ไอ้เราก็กินไปเลยจ้าา ลูกชิ้นทอดเยอะมากค่ะ ไม่ต่ำกว่า 10 ไม้ ยิ่งตอนนั้นอยู่กับแฟนค่ะ ยิ่งช่วยกันกินๆๆ วันถัดมาอาหารเช้าคือ คะน้าหมูกรอบไข่ดาวพิเศษ กะเพราหมูกรอบไข่ดาวพิเศษ ผัดพริกแกงหมูกรอบไข่ดาวพิเศษ หมูปิ้งหน้าปากซอยเอย วนเวียนไปแบบนี้แหละค่ะ นี่ยังไม่นับถึงมื้อเย็น มื้อดึก เนื้อย่าง ขนมจุบจิบระหว่างมื้อ คือตอนนั้นกินเก่งมากกก ไม่มีระเบียบวินัยสุดๆ ค่ะ ทำให้น้ำหนักขึ้นพุงเร็วมาก ตอนปกติประมาณ 50 kg. แล้วอยู่ๆ ก็วาร์ปมาจะ 56 เลยค่ะ ซึ่งเราไปชั่งน้ำหนักดูแล้วไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะทำใจไม่ได้ค่ะ ไม่อยากเห็น ไม่อยากเก็บไว้
ที่อ้วนขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ ช่วงขาและสะโพกค่ะ นั่นเอว 28 สะโพก 38 กางเกงตัวโปรดที่ซื้อมา แต่ใส่ไม่ได้แล้ว
เราก็ยังเหมือนเดิมค่ะ กินต่อไป 55555 พอผ่านไปนานๆ รู้สึกตัวเองเริ่มขึ้นอืดแล้วค่ะ
พอถึงจุดที่ เอ้อไม่ไหวแล้วอะ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ฉันต้อง come back
ขอบอกเลยว่าการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดและส่งผลดีในระยะยาวคือ การออกกำลังกายและควบคุมอาหารค่ะ ทำไมถึงกล้าพูด เพราะที่ผ่านมาเคยลองมาหมดเเล้ว ไม่ว่าจะกินยาลดความอ้วน หรืออดอาหาร ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากๆ ไม่ว่าจะเสียสมดุลร่างกายหรือระบบการเผาผลาญพัง ล้วนแล้วแต่ส่งผลเสียให้ร่างกายทั้งนั้น สุดท้ายมันไม่ได้ทำให้เราผอมแบบสุขภาพดีแถมยังทำให้เราอ้วนกว่าเดิมด้วยค่ะ
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการลดน้ำหนักคือ ห้ามอดอาหารค่ะ แล้วก็กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ สำหรับเราขอใช้คำว่า พยายามกินให้ครบ 3 มื้อดีกว่าค่ะ คือเราเป็นคนนอนดึกแล้วตื่นสายค่ะช่วงนั้น ตื่นทีก็จะเที่ยงแล้วค่ะ (ปิดเทอมขอใช้เวลาให้คุ้ม 555)
ตื่นมาเราก็จะกินน้ำค่ะ เพื่อเป็นการกระตุ้นการย่อยอาหารให้ระบบย่อยอาหารทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ กินข้าวก็กินปกติค่ะแค่ไม่ทอดไม่มันก็พอ ห้าม !! กินข้าวจนทำให้รู้สึกอิ่มเกินไป ให้กินอิ่มพอดิบพอดีค่ะ
เมนูนี้จะเป็นข้าวไก่ต้ม น้ำจิ้มไก่นิดๆ พอมีรสชาติ เหมือนกันข้าวมันไก่เลยค่ะ แค่เปลี่ยนจากข้าวมัน มาเป็นข้าวเปล่า/ข้าวต้มหมูใส่ไข่ /ผัดผักหมูไม่ใส่น้ำมัน/สุกี้
ยังมีอีกหลายๆ เมนู เช่น ปลาทูปิ้งจิ้มกะปิ / ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหรือใสแล้วแต่ **เส้นหมี่ขาว แต่ก่อนชอบกินเส้นเล็กมากค่ะ แต่พอไปศึกษาดูแล้วแคลเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นงดเส้นเล็ก เล้นใหญ่ เส้นหมี่เหลืองนะคะ อมน้ำมันสุดๆ
การลดน้ำหนักของเราจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ซึ่งช่วงแรกมันจะยากหน่อยนะคะสำหรับมือใหม่ เพราะมันต้องใช้ความสม่ำเสมอ มีระเบียบวินัยในการกินมากๆ เลยค่ะ
ช่วงแรก
เป็นช่วงที่เรามีเวลาว่างพอสมควรค่ะ (ปิดเทอมมหาลัย) โดยใช้ระยะเวลา 2 เดือนเท่านั้น !! โดยออกกำลังกายประเภท Cardio 5วัน/สัปดาห์ ได้แก่
1. ส่วนมากเราจะวิ่งจ๊อกกิ้งค่ะ หรือเดินเร็วสลับกันไป สำหรับเราวิ่งแค่ครั้งละประมาณ 3 km. เท่านั้นค่ะ ชิลๆ ค่ะ ไม่หักโหม หรือถ้าวันไหน fit หน่อยก็อาจจะ 4-5 km. แล้วแต่อารมณ์ เบิร์นช่วงขากับสะโพกได้ดีมากๆ
2. เต้นแอโรบิก ขอบอกเลยว่าข้อนี้เบิร์นได้ดีสุดๆ ได้ทุกส่วนของร่างกายค่ะ แต่ถ้าเป็นมือใหม่จะเหนื่อยมากๆ ค่ะ พอเราเต้นไปได้สักพักแล้วเราเริ่มชิน มันจะสนุกมากค่ะ แทบจะหยุดไม่ได้เลย
3. ปั่นจักรยานค่ะ อันนี้จะได้ช่วงสะโพกค่ะ
ก่อนออกกำลังกายแนะนำให้กินอาหารที่ย่อยง่ายๆ สามารถนำพลังงานไปใช้ได้ทันที เพื่อกระตุ้นระบบการเผาผลาญค่ะ ไม่ต้องกินเยอะ มากสุด 100 kcal ก็พอ เช่น นมไขมันต่ำหรือไขมัน 0%, กล้วย
การออกกำลังกายของเราจะเน้น cardio เป็นหลักค่ะ
อยากให้ดูมากค่ะว่าทำไมเราต้องกินสารอาหารให้เพียงพอ
ส่วนการออกกำลังประเภท Weight Training หรือการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน อันนี้ก็จะออกเป็นบางครั้งค่ะ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์ โดยออกก่อนไปวิ่ง เทรนนิ่งจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อของร่างกาย การมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้นค่ะ
หลังออกกำลังกายพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะคะ สำคัญมาก
**เอาเท่าที่ไหวนะคะ ไม่ต้องทำหมดเพราะ จขกท. เองก็ทำตามไม่ได้หมดค่ะ เหนื่อยมากก
การเปลี่ยนแปลงของมวลน้ำหนักที่ลดไปเกือบ 2 เดือนค่ะ
บางคนสงสัยทำไมลดได้น้อยจัง ! 55.6-52.2 = 3.4
สำหรับเราความผอมมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขบนตราชั่งเสมอไปค่ะ ตัวเลขที่ชั่งได้ 52.2 kg. มันไม่ใช่ค่าที่การันตีว่าเป็นมวลที่แท้จริงค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นเราดื่มน้ำเยอะ, ใส่เสื้อผ้าตัวหนา แต่ที่สังเกตได้คือ สัดส่วนลดลงไปมากค่ะ
มาต่อช่วงที่ 2 นะคะ
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เรามีเวลาน้อยมาก ไหนจะต้องเรียน ทำงานพิเศษ เลิกก็ค่ำ แทบไม่มีเวลาออกกำลังกายค่ะ ถามว่าตื่นเช้ามาออก ตี 5 6โมงไม่ได้เหรอ ? ขอตอบเลยค่ะว่าไม่สามารถค่ะ แค่ตื่นไปเรียนก็สายแล้วจ้า บางเดือนเราไม่ได้ออกกำลังกายเป็นระยะเวลา 1 เดือนเต็มเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้กังวลเรื่องออกกำลังกายเท่าไหร่ค่ะ เพราะแค่ชีวิตประจำวันของเราในหนึ่งวันก็เหมือนเราได้ active ตลอดเวลา เดินขึ้น-ลง บันได หอก็อยู่ชั้น 3 ขับรถไปมา ทำกิจกรรมนู้นนี่นั่น แค่นี้ก็เผาผลาญเพียงพอแล้วค่ะ ในส่วนช่วงนี้จะเน้นการกินเป็นหลักค่ะ
เหมือนเดิมที่เคยเกริ่นไปช่วงแรกๆ ก็คือมื้อเช้าค่ะ ห้ามละเลยเด็ดขาด เพราะมื้อเช้าเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้พลังงานในวันนั้นๆ ค่ะ แต่เนื่องจากตอนเช้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เรียนก็ 8 โมง เราจึงเลือกกินอะไรที่สะดวกและรวดเร็วค่ะ
ชอบ Nesvita ที่สะดวกสุดๆ ในมื้อเช้าซึ่งก็แค่เท-ชง-ดื่ม ช่วยรองท้องได้ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ หลังจากนั้นพอเรียนเสร็จก็จะไปหาอะไรกินต่อเลย ยกตัวอย่างที่สะดวกก็จะเป็นอาหารตามสั่งที่สะดวกและก็หาทานง่ายที่สุดแล้ว
ทั้งหมดนี้ ไม่ผัดน้ำมันค่ะ สำหรับเราชอบกินคะน้าหมูชิ้นเป็นปกติอยู่แล้ว กะเพราไก่ ซึ่งการที่ผัดน้ำแทนน้ำมัน ไม่ได้หมายความว่าเรากิน fat 0% มันอาจจะมีน้ำมันที่เกิดจากเนื้อสัตว์ หรือ น้ำมันที่เกิดจากซอสหอยปรุงรส เราเพียงแค่ต้องการที่จะลดปริมาณน้ำมันให้ได้น้อยที่สุดเท่านั้นเอง เพราะไม่มีใครสามารถทานคลีนได้ตลอดชีวิตค่ะ ซึ่งการกินของเราจะเป็นการกินที่ไม่ตึงเกินไป ไม่ยืดหยุ่นเกินไป อย่างเช่น กินอาหาร 3 มื้อ มื้อเช้าเลือกกินหน่อย มื้อเที่ยงกินตามใจปากก็ได้ค่ะแล้วแต่โอกาส แต่อย่าให้เยอะเกินไป มื้อเย็นก็เลือกกินค่ะ
เกี๊ยวกรอบนานๆ ทีกินก็ได้ค่ะ อย่าไปซีเรียสมาก มันจะไม่มีความสุขและเป็นการทรมานตัวเองค่ะ
จากข้อมูลที่เคยให้ดูในข้างต้นยังออกกำลังกายอยู่นะคะ แต่จะวิ่งจ๊อกกิ้งอย่างเดียวค่ะ แล้วแต่เวลาว่าง บอกแน่นอนไม่ได้
ซึ่งจะสังเกตว่าวิธีควบคุมอาหารใช้เวลาในการลดน้ำหนักนานพอสมควร ประมาณ 5 เดือนค่ะ อีกทั้งเราไม่ได้ชั่งทุกสัปดาห์เหมือนช่วงแรก แบบนานๆ ทีมาชั่ง ล่าสุดสัดส่วนก็เล็กลงเห็นได้ชัดกว่าช่วงแรกๆ ด้วยค่ะ
กางเกงตัวนี้เป็นตัวเดียวกันจ้า
ลาก่อน Size L
กางเกงตัวนี้ซื้อมาตั้งแต่ ม.4 ตัวเล็กมากก แต่ฉันก็กลับมาใส่ได้ ชอบมากๆ ค่าา
ช่วงที่ลดเยอะที่สุดก็คือช่วงเอว สะโพก ต้นขา ใครอยากลดตรงนี้ไปจ๊อกกิ้งเลยค่า
การที่เรามีระเบียบวินัยในการกินมากขึ้น มันจะทำให้เราเกิดความเคยชินค่ะ อย่างเช่นน้ำอัดลมที่เคยกินบ่อยๆ ก็มากินน้ำเปล่าแทน ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ตอนนี้แทบจะไม่กินเลยค่ะ อาจมีบ้างแต่เล็กน้อย (ขนมขบเคี้ยวต่างๆ แนะนำอบ แทน ทอด) แต่สิ่งที่เราขาดไม่ได้เลยก็คือ ชาเชียวค่ะ ต่อให้ไดเอตยังไงก็เลิกไม่ได้จริงๆ ค่ะเวลาจะกินก็สั่งหวานน้อยตลอด
ส่วนตรงนี้คือหัวใจสำคัญหลักเลยค่ะ อยากให้ฟังมากๆ
ข้อสรุปที่ได้รับ
1. โดยรวมแล้วใช้ระยะเวลาประมาณเกือบ 6 เดือน ช่วง 2 เดือนแรกเห็นผลดีมาก น้ำหนักไม่เท่าไหร่ แต่สัดส่วนลดลงมาก
2. เอว 28 สะโพก 38 —> เอว 24.5 สะโพก 34
3. แต่งตัวเก่งมากจ้า
4. หน้าอกเล็กลง
5. จริงๆ การวิ่งมันลดทุกส่วนของร่างกายแหละ ต้นแขนจากที่ใหญ่ๆ ก็เล็กลงนิดนึง (นิดนึงจริงๆ อันนี้มันต้องบริหารเฉพาะส่วนของเสิร์ชใน YouTube นะคะ)
6. รู้สึกสุขภาพดีขึ้นจากการวิ่งบ่อยๆ
7. การลดน้ำหนักโดยออกกำลังกาย+ควบคุมอาหาร กินยังไงก็ไม่กลับมาอ้วนง่ายถ้าเรารู้จักกินเป็น เพราะการที่เราอ้วนเกิดจากเรากินอาหารเข้าไปเยอะมากๆ แล้วร่างกายนำไปใช้ไม่หมด ของพวกนี้มันจะสะสมเรื่อยๆ จนกลายเป็นไขมันส่วนเกิน
ลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร กินหมูกระทะได้ไหม ? คำตอบคือกินได้ค่ะ แต่เลือกกินหน่อย อย่าติดมันเยอะเกินไป หมูสามชั้นเนี่ยให้โควต้าตัวเองแค่ 3 ชิ้นพอ นอกนั้นก็กินหมูปกติเลยค่ะ ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเยอะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันกินหมูกระทะแล้วฉันต้องอ้วนแน่ๆ กินวันนี้พรุงนี้ตื่นมาฉันอ้วนแล้ว เห้ยยยมันไม่ใช่ค่ะ อย่างที่บอกค่ะ ของพวกนี้มันสะสมเรื่อยๆ ค่ะ แค่เราต้องรู้ต้องความบาลานซ์ ไม่มากเกินไป ไม่บ่อยกินไป แต่ถ้าวันไหนรู้สึกฉันเผลอกินมากไป วันต่อมาก็แค่ออกกำลังกายทดแทนไป แค่นี้ก็รักษาหุ่นได้แล้วค่ะ