เราเชื่อว่าบนโลกนี้มีคนอยู่เยอะเลยแหละ ที่คิดว่าตัวเองมีความสำคัญสุดๆ ประหนึ่งว่าเป็นศูนย์กลางของจักรวาลนี้ เป็นประเภทที่เห็นแก่ตัว มองแต่ตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ค่อยสนใจความยากลำบากของคนอื่นๆ
ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เรามักจะเจอคนประเภทนี้ได้ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวสักเท่าไหร่เสียด้วยซิ บางทีก็เป็นคนที่อยู่ในบริษัทเดียวกัน อยู่ในแผนกเดียวกัน หรือบางทีก็เป็นเพื่อนร่วมงานโต๊ะข้างๆ กันเองนี่แหละ หากพบเจอคนประเภทนี้ในชีวิต เราจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเยอะของพวกเขา จะรายงานหัวหน้าดีไหม หรือไม่จำเป็นต้องทำอะไรหรอก ใครต้องการคำตอบก็ตาม UndubZapp ไปดูพร้อมๆ กันเลย
1. ใจดีได้ แต่ไม่เสียเปรียบ
คนที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลนั้นเป็นคนที่ชอบชี้นิ้วออกคำสั่งคนอื่นอยู่บ่อยๆ เพราะเขามีจิตสำนึกว่าพวกเขาสำคัญ มีงานเยอะอยู่แล้ว ต้องแบ่งเบาภาระให้คนอื่นบ้าง ส่วนคนที่มักถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ก็มักจะมีลักษณะที่ดูเป็นคนซอฟท์ๆ นุ่มนิ่มเกินไป คนที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจึงกล้าชี้นิ้วบงการเป็นว่าเล่น เพราะเชื่อว่าถึงจะพูดหรือทำอะไรไป คนนุ่มนิ่มก็ไม่กล้าหือหรอก เราขอแนะนำคุณๆ ที่เป็นคนประเภทที่ไม่ค่อยจะมีปากมีเสียงเท่าไหร่ว่า เป็นคนดีน่ะได้ แต่อย่ายอมให้ใครมาเอาเปรียบคุณเด็ดขาด
2. แบ่งงานให้เรียบร้อย
ถ้าไม่นับหัวหน้าที่มีอำนาจสั่งงานคุณได้ตามความเหมาะสมแล้ว(ยกเว้นถ้ามีเหตุผลมากพอก็แย้งได้นะ) เราก็ไม่คิดว่าจะมีใครในบริษัทที่สมควรจะมาสั่งให้คุณทำงานตามใจชอบได้อีกแล้วล่ะ คนที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลนั้นเป็นคนประเภทที่มองเห็นแต่ตัวเอง คนอื่นๆ จะเดือดร้อนอย่างไรไม่เคยสน เรียกว่าคนเห็นแก่ตัวว่างั้นเถอะ ถ้าจำเป็นต้องร่วมงานกับคนประเภทนี้จริงๆ และคุณสามารถเสนอความคิดเห็นได้ ขอให้คุณแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้ชัดเจน แบบที่ทุกคนรับรู้โดยทั่วกัน หากเขาอ้างว่าเขาได้งานเยอะอยู่คนเดียว มันก็ไม่ใช่แล้ว
3. ตั้งขอบเขตความใจดีให้ชัดเจน
ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่า คนนุ่มนิ่มที่ถูกพวกยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลกดขี่ข่มเหงอยู่บ่อยๆ นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ดูหงิมๆ ไม่กล้าสู้คน ถ้าคุณเป็นแบบที่เราว่ามานั้น คุณควรแสดงขอบเขตความใจดีของตัวเองให้เขาเห็นว่า คุณน่ะใจดี มีน้ำใจ ช่วยเหลืองานคนอื่นได้นะ แต่ไม่ใช่ว่าจะเอางานมาให้คุณทำหมดเสียทุกอย่าง ถ้าคุณทำอย่างนั้น คุณก็ควรได้รับเงินเดือนในส่วนของเขาด้วยแล้วล่ะ อะไรที่คุณมองแล้วว่ามันไม่ใช่การขอความช่วยเหลือ แต่เป็นการโยนภาระหน้าที่ให้ พูดไปตรงนั้นให้เคลียร์เลยว่าช่วยอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง การที่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวเป็นความผิดของเขาที่เขาต้องแก้ไขด้วยตัวเอง ส่วนการที่คุณเป็นคนยอมคน ทำให้ถูกเอาเปรียบได้ง่ายๆ เป็นความผิดของคุณ และคุณต้องแก้ไขมันด้วยตัวเองเช่นกัน