Gangbeauty เชื่อว่าในความทรงจำของเด็กไทย คงไม่มีใครไม่รู้จักการ์ตูนเรื่อง “เณรน้อยเจ้าปัญญา” ที่มีตัวเอกเป็นเณรน้อยน่ารักนามว่า “อิคคิวซัง” แต่รู้กันหรือไม่ว่าอิคคิวซังไม่ใช่การ์ตูนที่เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ทว่ามีตัวตนจริงๆ แถมยังแตกต่างจากภาพในการ์ตูนที่เราคุ้นเคยกันแบบลิบลับ!
นามเดิมของอิคคิวซังคือ เซงกิกุมารุ เขาเกิดในปีค.ศ. 1394 โดยเป็นบุตรชายนอกสมรสของจักรพรรดิโงโคะมะสึ แต่เวลาต่อมาครอบครัวของเขาก็มีปัญหาภายในเกิดขึ้น ทำให้เขาต้องถูกส่งไปบวชเป็นเณรในวัดอังโคะคุจิ ตั้งแต่อายุได้เพียง 6 ขวบเท่านั้น แม้จะเป็นเด็กชายตัวเล็ก แต่ความเฉลียวฉลาดและปฏิภาณไหวพริบนั้น นับว่าเหนือว่าเด็กวัยเดียวกันมาก จนเจ้าอาวาสรักใคร่เอ็นดู ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า ชูเคง โดยเมื่ออายุเพียง 13 ปี เขาได้ย้ายมาอยู่วัดเคนนิน และสามารถแต่งกลอนวิพากษ์วิจารณ์ความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของพระที่หากินบนความเดือดร้อนของชาวบ้านได้แล้ว
ชูเคงอาศัยอยู่ในวัดเคนนินจนถึงอายุ 17 ปี ก็ย้ายไปประจำอยู่ที่วัดไซคิน ซึ่งที่วัดนี้ เขาได้พบกับเจ้าอาวาสผู้เฉลียวฉลาดมาก หลังจากที่ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และเรียนรู้วิชาความรู้ต่างๆ จากเจ้าอาวาสท่านนี้ ชูเคงก็เกิดความเลื่อมใส และตั้งใจว่าจะปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดนี้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ทว่าสุดท้ายเจ้าอาวาสก็ได้มรณภาพลง ชูเคงเสียใจมากจนเกือบฆ่าตัวตายตาม โดยการดิ่งลงท้องน้ำ แต่โชคดีที่นึกถึงหน้าท่านแม่และคำสอนขึ้นมาว่า “ลูกผู้ชายต้องไม่ย่อท้อ” ท่านจึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งได้ทัน
หลังจากนั้นไม่นาน ชูเคงก็ย้ายไปประจำอยู่อีกวัดหนึ่ง ชื่อว่าไดโตคุ และความเฉลียวฉลาดของเขาก็ทำให้เจ้าอาวาสวัดไดโตคุประทับใจอีกครั้ง พร้อมทั้งตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “อิคคิว” แบบที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง ช่วงที่ท่านอาศัยอยู่ในที่วัดไดโตคุ เป็นช่วงที่ท่านปฏิบัติงานอย่างหนักหน่วง ทั้งกิจในวัด สานรองเท้า เย็บเสื้อผ้าตุ๊กตาผู้หญิง และออกไปขายแรงงานในหมู่บ้านละแวกนั้นเพื่อหารายได้เลี้ยงชีพ ซ้ำยังโดนพระรุ่นพี่ที่ไม่ชอบหน้ากลั่นแกล้งอีก แต่สุดท้ายท่านก็สามารถบรรลุธรรมได้สำเร็จ ทว่าด้วยช่วงสมัยนั้นมีพระจอมปลอมที่ชอบสั่งสอนชาวบ้านในทางผิดๆ อยู่มาก พระอิคคิวจึงปฏิบัติตนแตกต่างจากพระรูปอื่นอยู่ตลอด คือเล่นการพนัน ฉันเนื้อสัตว์ ดื่มสุรา ไม่โกนผม ไม่โกนหนวดเครา เพื่อเป็นการต่อต้านเสียดสีและสั่งสอนพระไม่ดีเหล่านั้นให้ละอายต่อการลวงโลกนั่นเอง
แม้จะโดนชาวบ้านต่อว่าต่อขานว่าเป็นพระนอกรีต แต่จากการออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ ภายหลังจากการอยู่ปฏิบัติธรรมในวัดไดโตคุได้สักพัก ชาวบ้านตลอดเส้นทางที่พระอิคคิวผ่าน กลับให้ความเคารพนับถือท่านมาก ในระหว่างทางนั้นท่านพบกับศิลปินหญิงตาบอดชื่อโมริ ที่กำลังหลบภัยสงครามด้วย พระอิคคิวสงสารจึงแต่งตั้งให้นางเป็นภรรยาของท่าน และออกเดินทางด้วยกันไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงของพระอิคคิวดีงามโด่งดังไปถึงหูของพระจักรพรรดิ และสุดท้ายได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสประจำวัดหลวงที่มีชื่อเสียงมากในยุคนั้นเลยทีเดียว
ทว่าการปฏิบัติตนของท่านที่ไม่เหมือนพระทั่วไป พระอิคคิวจึงอยู่ที่วัดได้แค่วันเดียวเท่านั้น ท่านออกธุดงค์อีกครั้ง จนกระทั่งมาจบที่วัดเมียวโชจิ ซึ่งเป็นวัดสุดท้ายที่ท่านใช้ชีวิตในช่วงปั้นปลายเป็นเวลา 2 ปี และมรณภาพไปด้วยโรคมาลาเรีย ละสังขารในท่านั่งสมาธิในอ้อมกอดของโมริ ภรรยาของท่านในวัย 88 ปี จนทุกวันนี้วัดเมียวโชจิก็ยังมีรูปปั้นและผลงานเด่นๆ ของพระอิคคิวสะสมอยู่ เป็นวัดที่มีชื่อเสียง และเป็นสถานที่สุดนิยมของนักท่องเที่ยวด้วยล่ะ
ใครไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะวัดเมียวโชจิ จุดเริ่มต้นของอิคคิวซังด้วยนะ!