ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
บริกรสาวคนหนึ่งไม่ทันระวัง
ทำน้ำซุปในจานหกใส่กระเป๋าลูกค้าที่วางอยู่บนเก้าอี้
ลูกค้าหงุดหงิดจนเกือบจะลุกขึ้นมาอาละวาด แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่ม
ลูกสาวที่มากับคุณแม่เจ้าของกระเป๋าก็ลุกขึ้น
แล้วเดินตรงไปหาพนักงานเสิร์ฟคนนั้นพร้อมตบบ่าของเธอแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไร”
พนักงานตกใจหน้าตาตื่นบอกว่า
“จะรีบไปหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาดให้เดี๋ยวนี้”
ลูกสาวตอบว่า
“ไม่เป็นไรคะเดี๋ยวเอากลับบ้านซักให้สะอาดก็โอเคแล้ว
ไปทำงานต่อเถอะไม่เป็นไรจริงๆ”
ลูกสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเหมือนคนที่ทำผิดนั้นคือเธอเอง
แม่จ้องลูกสาวแทบจะอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่ไหว
คืนวันนั้นเองพอกลับถึงโรงแรม
เธอและลูกนอนลงบนเตียง
ลูกสาวของเธอถึงได้เล่าให้ฟังว่า
ตอนเรียนอยู่ลอนดอนเป็นเวลา 3 ปีนั้น
ที่พ่อและแม่ไม่ยอมให้ลูกกลับบ้านตอนซัมเมอร์
เพราะอยากจะให้ลองใช้ชีวิตด้วยตัวเอง
ให้ลองหางานทำและเที่ยวเล่นระหว่างปิดเทอม
ลูกสาวของเขาเป็นคนร่าเริงชอบเที่ยวเล่น แต่ไม่เคยทำงานบ้าน
แต่พอต้องมาอยู่อังกฤษเธอเลือกที่จะรับจ๊อบเป็นพนักงานเสิร์ฟเพื่อหาเงินค่าขนม
วันแรกที่ทำงานก็โชคร้ายซะแล้ว
เธอถูกแบ่งหน้าที่ให้ไปล้างแก้วไวน์
แก้วไวน์ของที่ร้านเป็นแก้วไวน์อย่างดีใสและบาง
แค่ใช้แรงเยอะนิดหน่อยก็เหมือนจะแตกคามือยังไงอย่างงั้น
ลูกสาวล้างแก้วอย่างระมัดระวังจนเสร็จ
แค่เธอเผลอหันตัวไปนิดเดียวชนเข้าที่แก้วใบหนึ่งเท่านั้นล่ะ
แก้วทั้งหมดก็แตกเต็มพื้น
“แม่รู้มั้ย ตอนนั้นความรู้สึกของหนูมันเหมือนตกนรกทั้งเป็นเลยล่ะ”
ลูกสาวเล่าต่อว่า
แล้วเจ้าของร้านก็เดินเข้ามาพูดกับเธอว่า
“เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
แล้วก็รีบบอกให้พนักงานคนอื่นๆ รีบมาช่วยกันเก็บเศษแก้วที่พื้นให้สะอาด
อีกครั้งหนึ่งตอนลูกสาวกำลังเทเหล้า
เธอไม่ทันระวังเทไวน์ไปเลอะกระโปรงสีครีมของลูกค้าเข้า
ตอนแรกเธอคิดว่าจะต้องโดนลูกค้าเอาเรื่องจนออกจากงานแน่ๆ
ไม่คิดเลยว่าลูกค้าจะบอกว่า
“ไม่เป็นไรหรอกคราบเหล้าเอง ซักไม่ยาก”
แล้วก็ลุกขึ้นมาตบบ่าลูกสาวและเดินไปห้องน้ำ
“แม่คะ หนูเคยได้รับการให้อภัยจากการกระทำที่หนูไม่ได้ตั้งใจมาหลายต่อหลายครั้ง
หนูอยากให้แม่คิดว่าพนักงานคนนั้นก็เหมือนลูกสาวของแม่ ให้อภัยเขาเถอะนะคะ”
คนเราก็มีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ทุกคนอยากได้นั้น
บางครั้งก็แค่เพียง?
“โอกาสและการให้อภัย”