ประเทศไทยติดอันดับโลก การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม หรือท้องก่อนวัยอันควร เพราะหลายคนยังไม่เข้าใจ หรือไม่รู้จริงเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง สุดท้ายกลายเป็นความผิดพลาด วันนี้ GangBeauty จึงขอมาแนะนำ 9 วิธีคุมกำเนิดที่ได้ผลที่สุด แต่ละวิธีมีข้อดี และข้อจำกัดอย่างไร ตามไปดูพร้อมๆกันได้เลยค่ะ
1. การทำหมัน คุมกำเนิดได้ > 99%
เหมาะกับผู้ที่ตัดสินใจแล้วว่า ไม่ต้องการจะมีลูกอีกในอนาคต แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเคยมีข่าวการตั้งครรภ์ในคนที่เคยทำหมัน มีโอกาสหมันหลุดได้เช่นกัน
2. ยาคุมแบบฉีด คุมกำเนิดได้ > 99%
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด สามารถคุมกำเนิดได้ถึง 99% แต่หากจะให้มีประสิทธิภาพ ต้องฉีดทุกๆ 3 เดือน เสี่ยงภาวะหมดประจำเดือน หรือมีบุตรยากในอนาคต
3. ยาคุมแบบฝัง คุมกำเนิดได้ > 99%
ยาคุมกำเนิดแบบฝัง สามารถคุมกำเนิดได้ถึง 99% เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ ได้รับการยอมรับในหลายประเทศ (โอกาสพลาดน้อยกว่าการทำหมัน) ไม่ยุ่งยาก ฝัง 1 ครั้ง คุมกำเนิดได้ตั้งแต่ 3-5 ปี ในไทยมีเปิดให้เด็กหญิงอายุต่ำกว่า 20 ปีฝังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
4. ห่วงอนามัย คุมกำเนิดได้ 98-99%
ห่วงอนามัย คุมกำเนิดได้ถึง 98-99% ได้รับความนิยมในต่างประเภท แต่มีข้อจำกัดคือ ต้องหมั่นตรวจสอบว่ายังคงสภาพใช้งานได้ รวมถึงความสะอาดด้วยตัวเอง
5. ยาคุมแบบกิน คุมกำเนิดได้ 95%
ยาคุมกำเนิดแบบเม็ด สามารถคุมกำเนิดได้ถึง 95% แต่มีข้อแม้คือ ผู้หญิงต้องมีวินัยในการกิน ต้องกินให้ถูกต้อง และไม่ควรกินต่อเนื่องเกิน 5 ปี เพราะอาจมีผลต่อสุขภาพ แนะนำให้ตรวจมะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
6. ถุงยางอนามัย คุมกำเนิดได้ 86%
วิธีนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้ชาย หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง นอกจากคุมกำเนิดได้เเล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศอื่นๆได้ด้วย แต่ก็มีโอกาสพลาดได้หากใช้ไม่ถูกวิธี เช่น เลือกขนาดไม่เหมาะสม ไม่ไล่อากาศ ฉีกขาด เป็นต้น
7. หมวกครอบปากมดลูก คุมกำเนิดได้ 80%
แม้ว่าหมวกครอบปากมดลูก จะสามารถคุมกำเนิดได้ 80% แต่มีข้อจำกัดคือ ต้องใส่โดยผู้เชี่ยวชาญล่วงหน้าอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
8. ถุงยางอนามัยผู้หญิง คุมกำเนิดได้ 79%
ถุงยางอนามัยผู้หญิง คุมกำเนิดได้ 79% มีจำหน่ายแล้วในเมืองไทย แต่ผลวิจัยทางการเเพทย์ระบุว่า การหลั่งนอกสามารถคุมกำเนิดได้มากกว่าวิธีนี้
9. ยาคุมฉุกเฉิน คุมกำเนิดได้ 75%
แม้ว่าวิธีกินยาคุมแบบฉุกเฉิน จะเริ่มเป็นที่รู้จักในไทยมากขึ้น แต่หลายคนไม่รู้ว่า ผู้หญิงแต่ละคนไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินเกิน 5 ครั้ง เพราะอาจเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง และคุมกำเนิดได้เพียง 75% เท่านั้น ทางที่ดีกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ
สุดท้ายแล้วฝากถึงทุกคนที่ยังไม่ต้องการมีบุตรในวันที่ไม่พร้อม ให้ศึกษาข้อดีข้อเสียของวิธีการคุมกำเนิดแต่ละประเภท แล้วเลือกที่เหมาะสมกับตนเอง รวมถึงเผื่อใจไว้สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยค่ะ