มีหลากหลายวิธีที่จะทำการประเมิน คาดการณ์ และเปรียบเทียบประเทศในโลกนี้ว่าประเทศไหนร่ำรวยกว่ากัน บางครั้งความหมายของคำว่า ร่ำรวย มักจะมาจากใช้คำนิยามของเศรษฐกิจที่แตกต่างกันออกไป และวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมและมักถูกนำมาใช้ในการคำนวณก็คือ ค่าของ GDP หรือ Gross Domestic Product ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวบรวมมาจากผลผลิตของภาคครัวเรือน ภาครัฐและภาคธุรกิจทั้งประเทศ แน่นอนมันเป็นการวัดความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ UndubZapp จะพาไปดูกันค่ะว่า มีประเทศไหนบ้างที่ติดอันดับประเทศที่รวยที่สุดในโลก โดยวัดจาก GDP PPP per capita ที่มีการแปลงเป็น dollars เพื่อสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาสินค้า อัตราเงินเฟ้อ และกำลังซื้อต่อประชากรต่อปี โดยดูจากเงินรายได้เฉลี่ยของประชากรหนึ่งคนในเวลาหนึ่งปี จะมีประเทศอะไรติดอันดับบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
อันดับที่ 12 Netherlands $47,633 PPP per capita
เป็นประเทศที่มีประชากรเกือบ 17 ล้านคน และมีความเท่าเทียมกันของอำนาจซื้อ (PPP) $47,633 ประเทศเนเธอแลนด์เป็นมากกว่าประเทศของดอกทิวลิป แต่เป็นประเทศที่สะอาดที่สุด ปลอดอาชญากรรม รวมถึงมีวัฒนธรรมที่น่าสนใจ และการเข้ามาติดในอันดับประเทศที่ร่ำรวยนี้ได้ ก็มีแหล่งที่มาของความสำเร็จ มาจากการเกษตร การทำเหมืองแร่ และกำลังการผลิตจากระบบอุตสาหกรรมของประเทศ
อันดับที่ 11 Ireland $48,755 PPP per capita
เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความสวยงามมากที่สุด ที่สำคัญคือ ไอร์แลนด์มีรายได้ต่อประชากร $48,755 และมีพลเมืองต่ำกว่า 5 ล้านคน แหล่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือเหมืองแร่ ผลิตภัณฑ์จากอาหาร สิ่งทอและผลิตภัณฑ์ที่มีเสถียรภาพ
อันดับที่ 10 Saudi Arabia $52,010 PPP per capita
ประเทศซาอุดิอาราเบียเป็นประเทศที่เป็นประเทศศูนย์กลางของแหล่งปิโตรเลียมที่โดดเด่นของโลก มีทรัพยากรน้ำมันที่สำคัญมาก จนกลายเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญคือ ประเทศนี้ควบคุมน้ำมันสำรองใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก
อันดับที่ 9 The United State of America $54,629 PPP per capita
นอกจากสหรัฐอเมริกาจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ยังเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกอีกด้วย และมีประชากรมากกว่า 310 ล้านคน เหตุผลหลักที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศคือ ภาคเทคโนโลยี ภาคทรัพย์สินทางปัญญา
อันดับที่ 8 Switzerland $57,235 PPP per capita
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีความสวยงาม และเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยว จุดเด่นของประเทศนี้ อยู่ที่สถาบันทางการเงิน และการธนาคารที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศลอยตัว นอกจากนี้บุคคลที่ร่ำรวยยังเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารในสวิสอีกด้วย
อันดับที่ 7 The United Arab Emirates $67,202 PPP per capita
ประเทศในตะวันออกกลางที่รู้จักกันในนาม UAE มีประชากรมากกว่า 9 ล้านคน กับพื้นที่ในประเทศ 32,278 ตารางไมล์ โดยสิ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนี้ ก็คือ ภาคบริการ รายได้จากน้ำมัน และการสื่อสารโทรคมนาคม
อันดับที่ 6 Norway $67,619 PPP per capita
ประเทศนอร์เวย์เป็นเพียงประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรเพียง 4.97 ล้านคน แต่กลับมีค่า GDP per capita สูงถึง $67,619 ทำให้ประชากรในประเทศได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐกิจที่มีขนาดเล็กแต่มีความแข็งแกร่งนี้ได้อย่างเต็มที่ แหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศนี้มาจาก ทรัพยากรธรรมชาติ การประมง และการสำรวจปิโตรเลียม
อันดับที่ 5 Kuwait $71,601 PPP per capita
คูเวตเป็นประเทศเล็กๆ ในตะวันออกกลาง ที่มีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด มีพื้นที่รวมประมาณ 17,818 ตารางกิโลเมตร ประเทศคูเวตมีฐานะร่ำรวยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจสูง จากการส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจทั้งในด้านการค้าและการลงทุน ประชาชนคูเวตมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวและกำลังซื้อสูงมาก และยังได้รับสวัสดิการสมบูรณ์แบบจากรัฐบาล เช่น การศึกษาฟรี รักษาพยาบาลฟรี น้ำประปาไฟฟ้าฟรี โทรศัพท์พื้นฐานฟรี เป็นต้น
อันดับที่ 4 Brunei $80,335 PPP per capita
บรูไนเป็นประเทศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้มาสู่ประเทศเป็นอันดับหนึ่ง
อันดับที่ 3 Singapore $84,821 PPP per capita
สิงคโปร์เป็นประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้จะมีทรัพยากรธรรมชาติไม่มากนัก แต่เศรษฐกิจของสิงคโปร์กลับเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมทั้งมีการส่งออกอุตสาหกรรมเคมี การบริการทางการเงิน และนโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมที่สนับสนุนด้านการเติบโตและนวัตกรรมของประเทศอีกด้วย
อันดับที่ 2 Luxembourg $94,267 PPP per capita
ลุกเซมเบิร์กเป็นประเทศที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย มีสิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศ คือ ปัจจัยทางการเงิน, การอุตสาหกรรมเหล็ก และการอุตสาหกรรมแบบไดนามิก
อันดับที่ 1 Qatar 146,011 PPP per capita
เป็นประเทศที่เป็นที่รู้จักในฐานะประเทศสำหรับอุตสาหกรรมสำรวจน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีแหล่งก๊าซธรรมชาติสำรองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากรัสเซียและอิหร่าน เท่ากับว่า มากกกว่า 50% ของ GDP ของกาตาร์ มาจากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ