เมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย สิ่งแรกที่คนเรามักจะทำคือการวิ่งไปร้านขายยา ซื้อยามาบรรเทาอาการด้วยตัวเอง ซึ่งถ้ามันหายก็แล้วไป แต่ถ้าไม่หาย Gangbeauty บอกเลยว่าอาจทำให้เกิด “การดื้อยา” ขึ้นได้ง่ายมากๆ ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาที่ไม่ดี แต่เป็นตัวเราเองต่างหากที่ทานผิดวิธี!
pxhere.com
1. ซื้อยามาทานเอง
pixabay.com
หลายครั้งที่เรามักจะเลือกการเดินเข้าร้านขายยาไปเล่าอาการที่ตัวเองพบเจอ เพื่อให้ได้รับมาซึ่งยาที่เราเชื่อว่าจะทำให้เราหายจากอาการที่เป็นอยู่ได้ โดยไม่ปรึกษาคุณหมอ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ หรือยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบที่เราเรียกกัน มันมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ซึ่งบางครั้งมันไม่จำเป็นเลย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ป่วยเป็นหวัด มักเกิดจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัส แต่ไปทานยาปฏิชีวนะต้านแบคทีเรีย ไวรัสนั้นก็เลยยังคงอยู่ สุดท้ายเราก็กลับไปที่ร้านขายยาอีกครั้งเพื่อขอซื้อยาตัวใหม่ที่มีฤทธิ์แรงกว่าเดิมเพราะคิดว่าตัวเก่ามันอ่อนเกินไป แล้วเมื่อไหร่จะหายกันล่ะเนี่ย
2. ทานยาโดยไม่จำเป็น
pixabay.com
บางครั้งคุณหมอก็ชอบจ่ายยาปฏิชีวนะมาให้ทั้งที่ไม่จำเป็น หรือบางครั้งเภสัชกรก็ชอบทึกทักไปเองว่าเราควรต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษา จนทำให้เราทานยาที่ไม่จำเป็นเข้าไปในร่างกาย สิ่งนี้ล่ะที่จะทำให้ร่างกายเกิดการสะสมเชื้อดื้อยาไปเรื่อยๆ นอกจากนี้การทานยาไม่ตรงตามที่คุณหมอสั่ง หรือทานยาไม่ครบระยะที่คุณหมอบอก พอเห็นว่าหายปุ๊บก็หยุดทานยาไปเองแบบไม่ปรึกษาใคร ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ร่างกายมีเชื้อดื้อยาเพิ่มพูนไปเรื่อยๆ ได้เหมือนกัน
www.misawa.af.mil
ความจริงแล้วการดื้อยา เกิดจากสาเหตุ 2 สาเหตุหลักคือเกิดจากเชื้อแบคทีเรียในร่างกายที่ปรับปรุงพันธุกรรมจากยาปฏิชีวนะที่ไม่จำเป็นจนแข็งแกร่งต่อยา อีกสาเหตุหนึ่งคือร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียต่อทอดมาจากที่อื่น โดยแบคทีเรียนั้นมีอาการดื้อยามาก่อนแล้ว ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยคือแบบแรกหรือการใช้ยาแบบผิดๆ จนทำให้แบคทีเรียภายในร่างกายต่อต้านยาจากการสร้างสรรค์พันธุกรรมตัวเองขึ้นมาใหม่ให้โหดขึ้น สิ่งที่เราควรทำต่อจากนี้คือพยายามรักษาสุขภาพตัวเองเข้าไว้ เอะอะป่วยนิดหน่อยอย่าเพิ่งรีบร้อนหายาแก้อักเสบหรือยาฆ่าเชื้อมาทานเอง เพราะไม่อย่างนั้นจะทำให้การรักษาโรคของเราในอนาคตยากขึ้นได้นะจ๊ะ
ทานยาเยอะเกินไป ดื้อยาไม่พอ โรคตับโรคไตถามหาอีกนะ!