มีผลวิจัยกล่างถึงการโกหกว่า ผู้คนมากกว่าร้อยละ 60 พูดโกหกระหว่างการสนทนาเพียง 10 นาทีและจะโกหกเฉลี่ย 2-3 ครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ ที่สำคัญคนส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าพูดโกหกจนกระทั่งจบการสนทนาและมาดูวิดีโอย้อนหลัง จากภาพร่วมนั้น ผู้หญิงมักจะโกหกเพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี ขณะที่ผู้ชายจะโกหกเพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น และวันนี้ gangbeauty จึงมาแนะนำเทคนิคการจับโกหกง่ายๆมาให้อ่านกันค่ะ ว่าคู่สนทนาของคุณเป็นแบบนี้จริงหรือไม่ !!
1. คำพูดและท่าทางไม่ตรงกัน
การโกหกด้วยคำพูดเป็นเรื่องง่าย แต่ท่าทางของคนเรานี่แหละที่รู้และจะเผยความจริงออกมา สัญญาณชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังพูดโกหกคือเมื่อคำพูดเป็นอย่างหนึ่งแต่ท่าทางของพวกเขากลับแสดงออกมาคนละทิศคนละทาง ยกตัวอย่างเช่นเมื่ออีกฝ่ายกำลังเล่าเรื่องเศร้าแต่กลับเผลอยิ้มออกมาและอากัปกิริยาก็มีความรู้สึกตื่นเต้น
2. พูดซ้ำๆและบอกรายละเอียดมากเกินไป
คนโกหกจะไม่ชอบความเงียบ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามพูดมากจนเกินความจำเป็นและให้ข้อมูลมากกว่าที่ร้องขอ บางครั้งยิ่งคุณเงียบนานเท่าไหร่..อีกฝ่ายก็จะยิ่งหาเรื่องมาพูดเพื่อให้คุณเชื่อมากเท่านั้น พวกเขาจะพูดวลีเดิมๆซ้ำแล้วซ้ำอีกเนื่องจากต้องการยื้อเวลาเพื่อรวบรวมความคิดของตัวเอง
3. การเคลื่อนไหวของสายตาเปลี่ยน
ดวงตาเปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจซึ่งเป็นความจริงโดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายกำลังโกหก ตำแหน่งของสายตาไม่ใช่เรื่องสำคัญ..สำคัญตรงการเปลี่ยนทิศทางต่างหาก ยกตัวอย่างเช่นบางคนเงยหน้าไปทางขวาเมื่อพยายามนึกถึงรายละเอียดแต่จะมองลงเมื่อพวกเขาโกหก ขณะที่คนอื่นๆอาจเป็นไปในทางตรงกันข้าม ทว่าคุณต้องรู้ลักษณะการมองปกติของพวกเขาก่อน อย่างไรก็ตามที่แน่ๆคนโกหกมักจะมองไปที่ประตูเพื่อหาทางหนีนั่นเอง
4. อยู่ไม่สุข
อาการกระสับกระส่ายถือเป็นสัญญาณที่บ่งบอกชัดเจนถึงพลังงานความเครียด เช่น เล่นผม สั่นขา เคาะนิ้ว ดึงหู และอื่นๆอีกมากมาย การเดินลากเท้าก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของพลังงานความเครียดที่เกี่ยวข้องกับการโกหก เนื่องจากคนโกหกจะรู้สึกอ่อนแอและร่างกายก็ต้องการหนีด้วย
5. ก้าวร้าวโดยไม่มีเหตุผล
เช่น การจ้องตาโดยไม่กระพริบซึ่งเป็นความพยายามที่จะทำให้คุณเชื่อว่านี่คือความสัตย์จริง
6. เตรียมหนี
ผู้ที่กำลังโกหกมักจะหันหน้าไปยังประตูหากพวกเขากำลังนั่งอยู่ แต่ถ้ายืนอยู่ก็อาจจะขยับเข้าไปใกล้ประตูมากขึ้น หรืออาจเปลี่ยนจากท่าสบายๆมาเป็นท่าเตรียมพร้อมที่จะหนี
7. หาอะไรปิดปาก
คนส่วนใหญ่มักจะปิดปากเวลาที่โกหก นั่นคือภาษากายที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเพื่อต้องการยุติการสนทนา นอกจากนี้ก็ยังมีอวัยวะส่วนอื่นๆอีก เช่น ศีรษะ คอ หรือหน้าท้อง เนื่องจากการโกหกจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอ่อนแอและเหมือนกำลังถูกโจมตี
8. จังหวะการหายใจเปลี่ยน
หลายคนจะเริ่มหายใจแรงขึ้นเมื่อพูดโกหกเนื่องจากการโกหกจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจและระดับการไหลเวียนของเลือดเปลี่ยน บางครั้งคนโกหกจะประสบกับปัญหาในการพูดด้วยเนื่องจากปากจะแห้งซึ่งเป็นการตอบสนองต่อการโกหกของร่างกาย