ขึ้นชื่อว่าผักแน่นอนทุกคนต้องคิดว่ามันต้องมีประโยชน์ แต่อย่าชะล่าใจไป แม้ว่าผักจะมีประโยชน์แต่ถ้ากินผิดวิธีมันก็ส่งผลอันตรายต่อร่างกายเราได้เหมือนกัน เหมือนอย่างผัก 5 ชนิดที่ GangBeauty ยกมาก็มีอันตรายถ้ากินแบบดิบๆ ไม่ทำให้สุกก่อน ไปดูกันเลยว่ามีผักอะไรบ้าง
1. ถั่วงอก
ถือได้ว่าเป็นผักยอดนิยม ที่ถูกนำมารับประทานสดๆ อย่างเป็นประจำ ซึ่งเสี่ยงต่อการได้รับโทษจากสารโซเดียมซัลไฟต์ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สารฟอกขาว ซึ่งถ้าหากผู้รับประทานถั่วงอกดิบๆ ในปริมาณมาก เป็นผู้ที่แพ้สารชนิดนี้ด้วยแล้ว ย่อมทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ มีลักษณะหายใจขัด ความดันโลหิตต่ำ และมีอาการปวดท้องร่วมด้วย ซึ่งสารฟอกขาวนี้จะสลายและถูกทำลายได้ เมื่อมีการนำไปปรุงสุกแล้วเท่านั้น
2. กะหล่ำปลี
ในกะหล่ำปลีดิบจะมีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goibrogen) ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน สร้างเป็น ฮอร์โมนไทร๊อกซิน (Thyroscine) ได้
ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้ม จึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุก จะดีกว่ากะหล่ำปลีดิบ ความจริงก็คือถ้าคนๆนั้น มีสภาวะไทรอยด์ก็ควรงดเพราะโอกาสจะเพิ่มอาการ ส่วนคนปกติทานเป็นผักแกล้มกับน้ำพริก หรือลาบก็คงไม่มากเท่าไหร่ ยกเว้นทานเป็นกิโลๆ
3. หน่อไม้
หน่อไม้ดิบมีสารที่จะเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ซึ่งเป็นพิษได้ ก่อนรับประทานจึงควรต้มในน้ำเดือดนานเกิน 10 นาทีจึงจะปลอดภัยที่สุด โดยปกติการทานหน่อไม้ควรต้องลวกก่อน หากทานหน่อไม้ปี๊บที่ไม่สะอาดต่อเนื่องกันนานๆ อาจทำให้เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
4. มันสำปะหลัง
มันสำปะหลังดิบมีสารตัวหนึ่งซึ่งมีชื่อเรียกว่า linamarin ออกฤทธิ์ในการยับยั้งการหายใจระดับเซลล์ โดยยับยั้งการขนส่งอิเล็กตรอนในไมโตคอนเดรีย ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลารวดเร็ว แต่สารทั้งสองตัวจะถูกทำลายเมื่อนำมันสำปะหลังมาผ่านความร้อนหรือปรุงสุก ดังนั้น จึงไม่ควรทานมันสำปะหลังแบบดิบๆ
5. ถั่วฝักยาว
การรับประทานถั่วฝักยาวแบบดิบๆ ในปริมาณมาก ค้นพบว่า ถั่วฝักยาว จะมีปริมาณไกลโคโปรตีน พร้อมทั้งเลคตินสูง สารชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเกิดอาการท้องเสียได้ในระยะเวลา 3 ชั่วโมงได้นั่นเอง