จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารจิตวิทยาบุคลิกภาพและสังคมของสหรัฐอเมริกาเผยว่า การคิดบวกเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ตัวเองมีความสุข โดยที่การคิดบวกนั้นไม่ใช่การคิดหาคำตอบว่าอะไรถูกหรือผิด แต่เป็นการคิดเพื่อให้เราได้เข้าใจในสิ่งที่กำลังเป็นไป หลายคนเข้าใจว่าการคิดบวกต้องอาศัยหลักการทางจิตวิทยาเข้าช่วย แต่ความจริงแล้วตัวเราเองก็สามารถเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนคิดบวกได้ตลอดเวลา วันนี้ Gang Beauty มี 10 ข้อคิดดีๆ ให้เพื่อนๆได้อ่านและปรับเปลี่ยนทัศนคติกัน ไปดูกันค่ะ
1. ถ้าคิดว่าบ้านของท่านคือสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในโฉนด ท่านจะเป็นผู้ยากจน แต่ท่านจะเป็นผู้ร่ำรวย ต่อเมื่อคิดว่าบ้านของท่านคือโลกทั้งใบ เมื่อท่านมีความคิดที่จะครอบครอง
มีความคิดในการทำสัญลักษณ์แห่งความเป็นเจ้าของ สิ่งที่เป็นของท่านย่อมมีอยู่น้อยนิด เมื่อท่านยุติความคิดครอบครอง สิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ย่อมเป็นของท่านโดยปริยาย
2. จงมองผู้อื่นดุจคนในครอบครัว แบ่งปันอาหารที่ดีที่สุดให้เขา ท่านไม่จำเป็นต้องกินอาหารดีๆ เพื่อให้ตนเองมีความสุข จงกินอาหารพื้นๆ ธรรมดาๆ จงดื่มกินอาหารทิพย์จากความเมตตา จงเปลี่ยนรอยยิ้มและความสุขของผู้คนรอบข้างให้กลายเป็นอาหารของท่านเถิด
3. อย่าได้เป็นผู้ให้เลย เพราะการเป็นผู้ให้นั้นมีอัตตาแฝงอยู่ จงเป็นผู้รับใช้เถิด เพราะการเป็นผู้รับใช้คือการเป็นรองเท้าให้ผู้คนเหยียบย่ำ ท่านจะไม่สูญเสียสิ่งใดๆ จากการเป็นผู้รับใช้
เพราะการสูญเสียและการเสียเปรียบนั้น เป็นหน้าที่ของผู้รับใช้อยู่แล้ว ต่อเมื่อท่านได้รับสิ่งใด แม้เป็นสิ่งเล็กน้อยแค่ไหน สิ่งนั้นย่อมกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทันที นับเป็นความฉลาดอย่างยิ่งที่ท่านจะกระทำตนเป็นผู้รับใช้เสียแต่วันนี้
4. จงยุติความต้องการทั้งปวง แม้ความต้องการนั้นดีงามเพียงไร ขึ้นชื่อว่าความต้องการแล้วย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ ท่านจงเป็นผู้ปลูกต้นไม้ด้วยการทำหน้าที่ในปัจจุบัน จงรดน้ำลงไป แต่อย่าใส่ความปรารถนาลงไป ต้นไม้เติบโตด้วยแร่ธาตุและน้ำ มิได้เติบโตด้วยความปรารถนาใดๆ ของท่านเลย
5. วาทศิลป์ที่ดีที่สุด มิใช่คำพูดที่ดูฉลาด เมื่อท่านจะพูดจา จงพูดแต่ความจริง ขอให้ท่านใคร่ครวญว่า พูดอย่างไรจึงเป็นความจริงมากที่สุด ท่านอาจเสียผลประโยชน์ไปบ้าง แต่มันช่างคุ้มค่ากับการแลกมาซึ่งจิตแห่งความเปิดเผย
6. จงอย่าเป็นผู้กล้า แต่จงบอกใครๆ ว่าท่านเป็นคนขี้ขลาดแค่ไหน เมื่อท่านเป็นผู้กล้า ท่านกำลังปกปิดและวิ่งหนีตนเอง ต่อเมื่อท่านยอมรับในความขี้ขลาดของตน ท่านจึงกลับสู่ความผ่อนคลายของชีวิตอีกครั้ง
7. อย่าคาดหวังว่าท่านจะเปลี่ยนโลก เพราะไม่มีใครเลยที่จะเปลี่ยนโลกได้ เมื่อโลกในนี้มีแต่ความธรรมดา จึงไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความธรรมดาไปได้ ความคาดหวังที่จะเปลี่ยนโลก ก็คือความธรรมดาอย่างหนึ่ง มันเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไป
จงปล่อยให้โลกเป็นอย่างที่เป็น จงเป็นผู้กวาดใบไม้ด้วยปัญญา ใบไม้ร่วงสู่พื้นทุกวัน ท่านจงกวาดเท่าที่กวาดได้ เพราะพรุ่งนี้ใบไม้ก็จะร่วงสู่พื้นดินอีก ชีวิตของท่านก็เช่นกัน
8. หน้าที่ของท่านไม่ใช่หน้าที่ของท่าน ทุกสิ่งที่ท่านทำอยู่ ขอให้เป็นไปเพื่อความเบิกบานที่เป็นประโยชน์ อย่าทำหน้าที่ด้วยความเคร่งเครียด และอย่าหาความเบิกบานด้วยการทำสิ่งไร้ประโยชน์
จงหาสมดุลของความเบิกบานและการทำประโยชน์ให้พบ เพราะนั่นคือวิถีแห่งความดีงามของชีวิต
9. อย่าเรียกหาความดีใดๆ แต่จงเป็นความดีนั้นเสียเอง อย่าแสวงหาแสงสว่างใดๆ แต่จงเป็นแสงนั้นเสียเอง ท่านจงเป็นในสิ่งที่ท่านฝันถึง
จงอย่าหาผู้คนที่น่ากราบไหว้ แต่จงสร้างตนเองให้กราบไหว้ตนเองได้ อย่าเรียกหาสิ่งศักดิ์ แต่จงสร้างตนเองให้มีความศักดิ์สิทธิ์ ความดีงาม ความสว่าง และความศักดิ์สิทธิ์ล้วนซ่อนอยู่ในตัวตนของท่านทั้งหมด
10. จงอย่าเป็นผู้มีชีวิตรกรุงรัง แต่จงเป็นผู้มีความเรียบง่ายอย่างยิ่ง จงเป็นผู้กินง่าย อยู่ง่าย และนอนง่าย จงเป็นผู้พูดง่ายๆ คิดง่ายๆ และยอมรับอะไรง่ายๆ อย่าสะสมสิ่งใดเกิดความจำเป็นของชีวิต เพราะเราต่างเป็นผู้มาชั่วคราว
เราต่างเป็นนักผจญภัยที่ต้องการความคล่องตัว ขอท่านจงเป็นผู้เร่รอนในวิถีชีวิต อย่าได้เป็นมหาเศรษฐีผู้ลงหลักปักฐาน จงเป็นผู้โลดโผนโจนทะยานที่สะสมร่องรอยบาดแผล ขอท่านจงคุ้นชินกับความหิวโหยและเจ็บปวด เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแก่นสารของชีวิตซึ่งนำท่านมายังโลก เมื่อการเรียนรู้ในสิ่งเหล่านี้สิ้นสุด ท่านย่อมเป็นผู้บรรลุแล้วซึ่งการศึกษาทั้งปวง
ขอบคุณข้อมูลจาก คุณพศิน อินทรวงค์