แม้ประเทศไทยจะเป็นเมืองพุทธ นับถือศีลห้า มีเมตตา และปราณีให้แก่กัน แต่เธอเชื่อมั้ยว่ามีอยู่ครั้งนึง เหตุการณ์นึงที่ภาพถ่ายภาพหนึ่ง ถูกรัฐบาลไทยห้ามตีพิมพ์ เพราะเป็นภาพที่ชาวพุทธคนหนึ่ง กระทำการน่าสยดสยองให้แก่คนไทยมากเกินไป และเชื่อได้ว่าเธอเองก็คงไม่เคยได้เห็นภาพนี้มาก่อนแน่ Gangbeauty จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ให้ทุกคนได้เห็น เพราะถึงแม้จะสยดสยองเพียงใด แต่ก็นับเป็นภาพทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของไทยเราเช่นกัน
หลายคนอาจจะเริ่มก่นด่า ว่าไหนความสยดสยอง มองหาผีก็ไม่เห็น มองหาวิญญาณก็ไม่เจอ มีแค่เด็กยืนหัวเราะชอบใจอยู่ตรงนั้น มันสยดสยองตรงไหน ปูซะใหญ่เชียว เอาเป็นว่าใจเย็นๆ ขอให้เธอลองดูสิ่งที่ทำให้เด็กในภาพยิ้มร่าเริง หัวเราะชอบใจนั้นเสียก่อนจะตัดสินอารมณ์
เพราะสิ่งที่เด็กคนนั้น รวมถึงทุกคนกำลังมองดู ไม่ใช่คณะตลก หรือมหรสพสนุกสนานแต่อย่างใด ทว่ามันคือภาพศพของชายคนหนึ่ง ถูกแขวนคออยู่กับต้นไม้ และมีชายอีกคนหนึ่งกำลังนำเก้าอี้ ทำท่าจะฟาดไปที่ร่างของศพนั้นอย่างโหดร้าย นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ภาพถ่ายนี้ ของช่างภาพหนังสือพิมพ์ต่างประเทศในสมัยนั้น ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ในปี 1977 เพราะเป็นภาพที่น่าสลดหดหู่ และน่ากลัวที่สุดเท่าที่เคยมีจารึกในประวัติศาสตร์มา
นีล อูเลวิช (Photo courtesy of Neal Ulevich) เจ้าของภาพถ่าย
แว้บแรกที่เธอเห็นภาพ เธอคงไม่คิดสินะว่านี่คือประเทศไทย และศพที่ถูกแขวนคออยู่ตรงนั้น ก็คือนักศึกษาธรรมศาสตร์ ที่ถูกเหล่าเด็กอาชีวะ (กระทิงแดง) ฆ่าตายในสนามฟุตบอล จากนั้นก็เอาเชือกผูกคอ ลากศพวิ่งไปตามสนามหญ้าอย่างสนุกสนาน แล้วจึงนำมาแขวนไว้ที่ต้นมะขาม เพื่อให้คนไทยที่คับแค้นใจได้รุมกระทืบ รุมเตะ รุมถีบ ก่อนจะนำไปเผานั่งยางที่กลางท้องสนามหลวง เพราะเหตุการณ์ขัดแย้งทางความคิดในปี 2519 หรือที่เธออาจเคยได้ยิน “6 ตุลา” นั่นเอง
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ประเทศรอบบ้านเรากลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปหมด และคนไทยส่วนใหญ่ก็มักจะมองผู้คนในธรรมศาสตร์ว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ด้วย จึงเกิดความหวาดกลัวว่าคนพวกนี้จะนำภัยมาสู่ประเทศไทย กลัวว่าสักวันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นคอมมิวนิสต์ จึงเกิดความรุนแรงนี้ขึ้น ซึ่งในเวลาถัดมา คอมมิวนิสต์ก็ล่มสลายเพราะทางหัวหน้าคอมมิวนิสต์อย่างจีน หมดเงินกับการสร้างอาวุธมากเกินไปจนยากจน และประเทศไทยก็กลับมาสงบสุขอีกครั้งในยุคการปกครองของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์
นับเป็นอีกประวัติศาสตร์หนึ่ง ที่คนไทยควรจำไว้เป็นบทเรียน!