ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กกับการที่คนเราต้องอาบน้ำวันละสองรอบ คือเช้าและเย็น นั่นอาจจะเป็นเพราะสภาวะของอากาศที่ร้อนในเมืองไทย และด้วยการใช้ชีวิตที่ต้องตากแดดอยู่เป็นประจำทำให้มีเหงื่อไหลออกมาเสมอ แต่ในตางประเทศเขาได้มีการวิจัยและทดสอบกันอย่างจริงจังในเรื่องนี้ และคำตอบที่ได้ก็เหลือเชื่อซะจริงๆ ซึ่งจะเป็นอย่างไรต้องตาม Gang Beauty ไปดูด่วนๆ จ้า
Dr.Casey Carlos ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านโรคผิวหนัง จากมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ซานดิเอโก้ แคลิฟอร์เนีย บอกว่าการอาบน้ำทุกวัน และครั้งละนานๆ ไม่ส่งผลดีกับร่างกายคนเรา เพราะปกติแล้วผิวหนังของคนเราสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว และการที่เราถูสบู่เพราะเชื่อว่ามันทำให้ร่างกายสะอาดขึ้นนั้น แท้จริงแล้วมันคือตัวทำลายน้ำมันในชั้นผิวหนังของเราต่างหาก
แถมการอาบน้ำบ่อยๆ ยังทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง และเจ้าสบู่ก้อนยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้ด้วย ที่สำคัญคือเมื่อเราถูสบู่บนผิวหนังของเรา สบู่ยังไปทำลายแบคทีเรียดีๆ ที่มีไว้ปกป้องผิวของเราโดยธรรมชาติอีกด้วย
ซึ่งเราจะสังเกตุได้เมื่อหลังอาบน้ำจะรู้สึกคันที่ผิวหนัง ก็เพราะผิวหนังของเราเริ่มแตก และนั่นแหละมันคือการเปิดทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และอาจเกิดการติดเชื้อได้มากกว่าเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศบ้านเราก็ยังคงไม่เอื้อำนวยให้อยู่แบบไม่อาบน้ำได้ ก็เพราะแค่เดินออกไปหน้าประตูบ้าน แดดก็เร่งเหงื่อให้ออกมาเต็มตัวแล้ว แต่จะว่าไปหากนำมาใช้ในหน้าหนาวก็คงจะไม่เป็นอะไรมากหรอกมั่งเนอะ