การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คนเรามีความเข้าใจกันและกัน ดังนั้นหากเราสื่อสารออกไปด้วยเจตนาหนึ่ง ทว่าอีกฝ่ายกลับแปลความหมายได้อีกอย่างหนึ่ง นั่นถือเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดและไม่ประสบความสำเร็จอย่างแรง เหตุผลก็เพราะว่าเรามักจะลืมสนใจความรู้สึกของผู้ฟัง และ 9 ประโยคนี้ที่หลายคนเลือกจะใช้พูดนั้น Gangbeauty การันตีเลยว่ามันคือประโยคที่ผิดพลาดมาก!
1. คุณดูเหนื่อยนะ
www.flickr.com
คนเหนื่อย มักจะมีสภาพที่ไม่น่ามองสักเท่าไหร่ เช่น โทรม ตาบวม ผมยุ่ง หน้าตาบูดบึ้ง ดังนั้นการบอกว่าอีกฝ่ายดูเหนื่อย อาจทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนเราไปตำหนิภาพลักษณ์ของเขา ณ ตอนนั้นได้ ลองเปลี่ยนเป็นการพูดตรงๆ ด้วยความห่วงว่า “ทุกอย่างโอเคใช่มั้ย?” ดีกว่า ผู้ฟังจะรู้สึกว่าเราเป็นห่วงเขามากกว่าหยาบคายนะ
2. ว้าว ผอมลงเยอะเลยนะเนี่ย
กับเพื่อนฝูง เรื่องนี้อาจจะทั่วไป ไม่ได้ต้องเก็บมาคิด มาติดใจอะไร แต่ถ้าไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมากแล้วไปทักแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากการบอกเป็นนัยๆ ว่าเมื่อก่อนเธออ้วนนะ เปลี่ยนเป็นการชมว่า “คุณดูวิเศษมากเลย” ไม่ต้องเปรียบเทียบกับอดีตให้อ้อมค้อม เสียเวลา แถมยังทำให้คนฟังสะดุ้งสะเทือนจนมองค้อนกลับแทบไม่ทันอีกด้วย
3. เธอดีเกินไปสำหรับเขา
www.flickr.com
เวลาคนอกหักก็ต้องการคำปลอบใจ แต่การที่ไปบอกว่าเธอดีเกินไปสำหรับเขา ก็เหมือนการดูถูกรสนิยมการตัดสินใจเลือกคู่ที่แย่มาก เปลี่ยนเป็น “เขาน่ะพลาดแล้ว!” ดีกว่า สนับสนุนให้อีกฝ่ายมองเห็นค่าของตัวเองด้วยคำพูดแง่บวกแบบนี้สิ น่าฟังกว่ากันเยอะ
4. เธอมักจะ… / เธอไม่เคย…
www.flickr.com
จริงอยู่ว่าคนเราเกิดมา ไม่มีใครดีพร้อมสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง แต่เราก็ไม่ควรไปตัดสินคนอื่นด้วยคำพูดแบบนี้ เพราะจะทำให้คนอื่นรู้สึกต่อต้าน น้อยเนื้อต่ำใจ หรือบางรายก็อาจจะโมโห เพราะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเคยรู้สึก เคยทำ เราไม่เคยเห็นค่ามันเลย หากจะตำหนิให้ได้ผล เปลี่ยนเป็น “ดูช่วงนี้ชอบทำแบบนี้บ่อยนะ..” มันจะทำให้อีกฝ่ายฉุกคิดมากกว่าที่จะโมโหล่ะ
5. เธอดูดีสมวัย
คำว่า “สมวัย” กับเด็กก็พอเข้าใจ แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่แล้ว โดยเฉพาะผู้หญิง ไม่มีใครอยากให้ตัวเองดูสมวัยเหมือนเพื่อนคนอื่นหรอก ทุกคนอยากจะดูดี ดูเป็นเด็กๆ แข็งแรง อ่อนเยาว์กันทั้งนั้นล่ะ ทีหลังก็ไม่ต้องขยายความให้มากมาย แค่ชมว่า “คุณดูดีมาก” เท่านี้ก็หรูแล้ว
6. อย่างที่ฉันเคยบอกไปแล้วนั่นแหละ..
www.flickr.com
คำพูดแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการด่าตีแสกหน้าว่าอีกฝ่ายเป็นพวกหัวดื้อ ต้องให้พูดซ้ำพูดซาก แถมยังเป็นพฤติกรรมที่บอกว่าเรากำลังขาดความมั่นใจหรือเป็นพวกคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นด้วย ทางแก้ทางเดียวคือพยายามทำให้แน่ใจในครั้งแรก ว่าเรามีการสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าใจตรงกันแล้ว หากเราพูดจารู้เรื่องและเคลียร์ชัดเจนจริงๆ คนอื่นก็คงไม่ทำซ้ำซากให้เราไปตำหนิเขาแบบนั้นหรอก
7. ขอให้โชคดี
www.flickr.com
จริงอยู่ว่าโชคชะตาและโอกาสนั้นมีผลต่อการประสบความสำเร็จ แต่มันก็เป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับฝีมือตัวเอง ดังนั้นหากคิดจะให้กำลังใจใครจริงๆ คำว่า “ฉันรู้คุณทำได้” น่าจะเป็นคำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายมีกำลังใจมากกว่านะ
8. แล้วแต่เธอละกัน
www.flickr.com
แม้คำถามที่ส่งมาจะเป็นเรื่องที่เรามองว่ามันไร้สาระมาก และรู้สึกว่าคำตอบของเราเองก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่การแสดงความคิดเห็นทุกครั้งที่อีกฝ่ายเอ่ยปากถามไถ่ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ ลองนึกถึงตัวเราเองเวลาต้องการเพื่อนช่วยคิดสิ แม้สุดท้ายเราจะมีคำตอบในใจแล้ว อย่างไรเราก็อยากจะได้แรงสนับสนุนว่าอีกฝ่ายคิดเหมือนกันหรือเปล่าด้วยอยู่ดี ถ้าไม่แน่ใจในคำตอบ นึกไม่ออก ก็ให้ตอบไป “ฉันยังไม่มีความเห็นที่แน่นอนนะ ต้องดูเหตุผลอื่นๆ อีกสัก 2-3 อย่าง” เชื่อเถอะว่ามันจะเป็นสิ่งที่ทำให้บทสนทนาราบรื่นกว่าเดิมเยอะ
9. อย่างน้อยฉันก็ไม่เคย
ประโยคนี้เป็นประโยคที่แสดงความก้าวร้าวของเราชัดเจนมาก เป็นคำพูดแก้ตัวแก้ต่างที่ดูพยายามโบ้ยความผิดไปทางอื่น เปลี่ยนเป็นการก้มหน้ายอมรับความผิดพลาดที่กระทำลงไป พร้อมกับพูดว่า “ฉันขอโทษ” ดีกว่ามั้ย เชื่อเถอะว่ามันจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมากจริงๆ
ดูสิ เปลี่ยนแค่คำสองคำ ความหมายเพี้ยนไปหมดเลยนะเนี่ย!