เถียงไม่ออก 10 สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตกงาน
ในกระแสสังคมปัจจุบันเทคโนโลยีนั้นก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ต้องเกิดการปรับตัวกันตามยุคตามสมัย ใครที่ปรับตัวทันก็อาจรอดตัวไป ใครที่ยังมัวแต่ชะล่ าใจก็อาจจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
โดยชี้จุดอ่อนของสังคมการทำงานในบ้านเราไว้เป็นข้อๆถึง 10 ข้อ ที่เราควรรู้และรับทราบ เรียกว่าเป็นการวิเคราะห์ที่จี้แทงใจดำเสียจริงๆ เพราะที่กล่าวมาทุกข้อแทบปฏิเสธไม่ได้เลย ไม่เชื่อลองไล่อ่านแล้วพิจารณาอย่างปราศจากอคติ เพราะนี่คือกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนให้เห็นตัวตนจริงๆของเรา
1. รู้จักหน้าที่ของตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม เป็นประเภท มือใครยาวสาวได้สาวเอา เกิดธุรกิจการเมืองธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศล้าหลังไปเรื่อย เอาแต่พักพวกตัวเองเข้าไปช่วยทำงาน คนเก่งมีฝีมือจริงๆจึงขาดโอกาส
2. การศึกษายังไม่ทันสมัย เราเก่งแต่ภาษาของตัวเอง ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขันกับต่างชาติในเวทีระดับโลก คนมีฐานะจะส่งลูกไปเรียนเมืองนอกเพื่อโอกาสที่เปิดกว้างกว่า
3. มองอนาคตไม่เป็น กว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน ทำแบบข้อแค่ให้พ้นไปอีกหนึ่งวัน เพื่อรอให้ถึงวันที่เงินเดือนออกนัดกันไปกินเลี้ยงฉลองวันเงินเดือนออก แล้วกลับมาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ โดยไม่วางแผนการเงินให้ดี จนทำให้ต้องใช้เงินแบบเดือนชนเดือน
4. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้าหรือทำด้วยความเกรงใจ น้อยคนนักที่จะให้ความสำคัญกับข้อตกลงอย่างเคร่งครัด เพราะหมายถึงความเชื่อถือในระยะยาว การทำแบบนี้จึงถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือลงเรื่อยๆ
5. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากรประมาณ 60-70% ที่อยู่ห่างไกลจะขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวเอง ทำให้ช่องว่างระหว่างสังคมเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
6. ไม่ทำตามกฎระเบียบ และ บังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็ง เห็นว่าเรื่องบางเรื่องทำแล้วไม่ส่งผลอะไรมาก หรือ คิดไปว่าหยวนๆก็ไปก็ได้ ทำให้เกิดการปราบปรามแบบไม่จริงจัง การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้มีอำนาจหรือบริวารจะทำแบบเอาตัวรอดไปก่อนไม่มีมาตรฐาน
7. อิจฉาตาร้อน สังคมการทำงานที่ไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ยกย่องคนเก่ง แต่ยกย่องคนมีเงิ นมีอำนาจ โดยไม่สนใจภูมิหลัง ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเปลืองตัว
8. อิงแต่ผลประโยชน์ของพักพวกตัวเอง บางกลุ่มอิงอยู่กับผลประโยชน์บ่อยครั้งที่ต้องเสียโอกาสอย่างมหาศาล เพราะ พูดกันด้วยเหตุผลไม่ได้เลย
9. ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม เมื่อต่างฝ่ายต่างอิงผลประโยชน์ส่วนตน ทำให้ขัดขวางกันเอง จนสุดท้ายผลเสียและผลกระทบก็ตกอยู่กับส่วนรวม
10. เลี้ยงลูกไม่เป็น ทำให้ลูกขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่เข้มแข็งเพราะการเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนให้รู้จักดูแลตัวเองได้ บางครั้งเห็นลูกทำผิดก็ปกป้องลูกมากเกินไป และ ไม่สอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีคุณภาพ
เจ็บปวดจริงๆ แต่มันคือเรื่องจริงที่เถียงไม่ออก บางทีเราอาจโทษนาย ก โทษรัฐบาล โทษเศรษฐกิจแย่ บ่นว่าช่องว่างทางสังคมเริ่มมากขึ้น แต่บางทีเราอาจจะลืมหันมองดูตัวเราเองว่า แท้ที่จริงแล้ว เราเองก็มีส่วนที่ทำให้ตัวเราเองแย่ลง การที่เราโยนความผิดให้คนอื่น โดยไม่คิดเปลี่ยนแปลง หรือ พัฒนาตัวเองขึ้นบ้างเลยอาจไม่ช่วยให้อะไรๆดีขึ้น