ไม่ว่าจะจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องอยากมีกลิ่นตัวที่หอมตลอดทั้งวันอยู่แล้วละ ใครจะอยากมีกลิ่นตัวที่แรงว่าไหม? แต่มันก็ค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ตัวหอมตลอดทั้งวัน
ยิ่งกับคุณสาวๆแล้ว เรื่องกลิ่นตัวถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ และแน่นอนว่าการมีกลิ่นตัวที่แรงทำให้ความมั่นใจของคุณติดลบ วันนี้ GangBeauty เลยมีเคล็ดลับง่ายๆที่จะช่วยให้คุณๆมีกลิ่นตัวที่หอมตลอดทั้งวัน แม้ว่าบางวันเหงือคุณจะเยอะมากแค่ไหน ไปดูกันเลย
1. อาบน้ำให้สะอาด
:แน่นอนว่าข้อแรกต้องเริ่มที่ตัวเรา เอาตั้งแต่การอาบน้ำ สาวๆ ควรรักษาความสะอาดของร่างกายเป็นประจำ ด้วยการอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เน้นถูสบู่ในบริเวณที่เกิดกลิ่นได้ง่าย เช่น รักแร้ ข้อพับ มือและเท้า รวมถึงสระผมเป็นประจำ และหมั่นกำจัดขนรักแร้ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่นตัวได้
2. ใช้สารระงับกลิ่นกาย
:น้อยคนมากที่จะเกิดมาโชคดีแบบไม่มีกลิ่นตัวแต่พวกเราต้องอาศัยสารระงับกลิ่นกายตลอดเวลา ใช้หลังจากการอาบน้ำ และใช้ซ้ำหากจำเป็น
– ลองเลือกที่มีส่วนผสมของ deodorant และ antiperspirant หากคุณมีเหงื่อออกใต้วงแขนด้วย
– สารระงับกลิ่นกายมาทั้งในรูปแบบแท่ง เจล หรือสเปรย์ คุณสามารถซื้อสารระงับกลิ่นกายจากธรรมชาติหรือทำเอง โดยใช้ผงฟูและน้ำมันมะพร้าว ใช้สารตัวที่คุณชอบและทำให้คุณมีกลิ่นหอมที่สุด
– หากคุณใช้น้ำหอมหรือโคโลญจน์ อย่าใช้สารระงับกลิ่นกายที่มีกลิ่นแรงจนเกินไป เพราะคุณคงไม่อยากให้กลิ่นแรงๆ ทั้งหมดตีกันหรอก
3. น้ำหอมสำหรับผม
:อย่าคิดว่ามันไม่สำคัญนะ เพราะน้ำหอมที่ใช้สำหรับผมโดยเฉพาะ จะไม่กลบกลิ่นหอมอื่นๆ ระหว่างวัน ถ้าไม่ให้อยากให้แต่ละกลิ่นแย่งซีนกัน ต้องลอง
4. ฉีดน้ำหอมตามจุดสำคัญ
:ใช้น้ำหอมฉีดบริเวณจุดชีพจรต่างๆ เช่น ข้อพับแขน ข้อมือ ซอกคอ หรือบริเวณกลางหน้าอก จะช่วยให้กลิ่นหอมฟุ้งทั่วทั้งตัว แต่ระวังอย่าฉีดน้ำหอมมากเกินไปนะคะ เพราะอาจทำให้เหม็นฉุนมากกว่าหอมได้
5. ใส่เสื้อผ้าที่มีกลิ่นหอม
:การสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและมีกลิ่นหอมก็ช่วยให้คุณสาวๆ ตัวหอมได้เช่นกันนะคะ ที่สำคัญไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่แน่นและอึดอัดเกินไป เพราะจะทำให้เหงื่อออกและเกิดกลิ่นตัวได้ นอกจากนี้การใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าโปร่งสบาย เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าไหม ก็จะช่วยระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น จึงไม่ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้ง่าย
6. งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
:การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ จะมีฤทธิ์ในการกระตุ้นต่อมเหงื่อ รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มีฤทธิ์ในการขยายหลอดเลือดผิวหนัง จึงทำให้เหงื่อออกมากขึ้นและเป็นสาเหตุของกลิ่นตัวได้นั่นเอง
7. เลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง
:พยายามหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม เนื้อสัตว์ และอาหารรสจัด รวมไปถึงผักจำพวกกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี เพราะอาหารเหล่านี้เมื่อถูกย่อยจะทำให้เกิดกลิ่นตัวและกลิ่นปากได้ง่าย