กินปลาแล้วจะฉลาด ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงแต่อย่างใด เพราะสารอาหารจากปลามีทั้ง โปรตีน กรดโอเมก้า 3 วิตามินดี วิตามินบี 12 แมงกานีส ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยการจดจำที่ดี รวมถึงการมีร่างกายแข็งแรงและอารมณ์แจ่มใส ฉะนั้นเนื้อปลาก็จะมีส่วนสำคัญต่อความฉลาดอย่างแน่นอนค่ะ
ทั้งนี้ยังมีงานวิจัยที่บ่งบอกได้ว่า การบริโภคปลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดโรคหัวใจลงได้ กรดไขมันในปลา ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดหัวใจ และการกินปลาที่ไขมันมากจะช่วยบรรเทาอาการของโรคผิวหนังได้อีกด้วย เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคเรื้อนกวาง เพราะปลามีวิตามินดีจากกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณมากนั้นเอง
1. โปรตีนที่ย่อยง่าย
ปลาเป็นแหล่งโปรตีนดีที่ย่อยง่าย โดยทั่วไปในเนื้อปลามีโปรตีนประมาณร้อยละ 17-23 ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ ทำให้ระบบการย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนัก
2. กรดอะมิโน
ที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด โดยเฉพาะไลซีนและทรีโอนิน ซึ่งมีผลต่อพัฒนาการสมองและการเจริญเติบโตในวัยเด็ก เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ทำให้นอนหลับสนิท สมองทำงานได้ดี ไม่แก่เกินวัย และลดความหิวชนิดรับประทานไม่หยุดได้
3. ไขมันต่ำและดี
เป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย มีโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่เราไม่สามารถสร้างเองได้ ช่วยป้องกันการสะสมตัวของไขมันอิ่มตัวหรือคลอเลสเตอรอล อันเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดอุดตัน ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองแตกได้
4. เสริมสร้างร่างกาย
โปรตีนยังมีประโยชน์ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือส่วนต่างๆ ที่สึกหรอ และเสริมสร้างร่างกายให้เจริญเติบโตตามวัยอันควร
5. แร่ธาตุไอโอดีน
เมื่อรับประทานปลาทะเล ร่างกายจะได้รับแร่ธาตุไอโอดีน ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันโรคคอหอยพอกชนิดที่เกิดจากการขาดธาตุไอโอดีน เด็กที่กำลังเจริญเติบโตหากขาดแร่ธาตุชนิดนี้ โอกาสที่จะเป็นภาวะปัญญาอ่อนก็มีมากขึ้น และยังทำให้ร่างกายเจริญเติบโตช้า
6. แร่ธาตุ
ในปลาตัวเล็กตัวน้อยที่กินได้ทั้งกระดูก ช่วยเพิ่มธาตุแคลเซียม ป้องกันโรคกระดูกพรุนและกระดูกหักง่ายได้ นอกจากนี้ วิตามินเอและดี ซึ่งมีมากในน้ำมันตับปลา รวมทั้งวิตามินบี 1 , 2 และไนอาซีน ถึงแม้จะมีในปริมาณเล็กน้อย แต่วิตามินเหล่านี้ล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายโดยเฉพาะสมองของเรา