ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้หลายอย่างทำได้อย่างง่ายดายมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากมีการนำกล้องวงจรปิด และเครื่องมือตรวจจับความเร็วรถมาใช้ ก็ทำเอาผู้ใช้รถบนท้องถนนหลายคนต้องกุมขมับ เมื่อเจอใบเรียกเสียค่าปรับส่งตรงถึงบ้าน
แต่ที่เป็นประเด็นก็คือ มีหลายคันที่ถูกส่งใบเรียกปรับไปผิดบ้าน หรือการส่งมีความล่าช้า ทำให้ระยะเวลาสั้นลง มีผลให้ถูกเรียกปรับแพงมากขึ้น จากเดิมที่ต้องเสีย 500 บาท เป็น 1500 บาท เรื่องนี้ประชาชนตาดำๆอย่างเราสามารถทำอะไรได้บ้าง วันนี้ GangBeauty มีข้อมูลดีๆจากทนายเกิดผล มาฝากกันค่ะ
ทนายคนดัง เกิดผล แก้วเกิด เคยพูดถึงประเด็นนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า …
“เห็นความพยายามของตำรวจ ที่บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเข้มแข็งเหลือเกิน ผมเห็นด้วยกับการใช้กล้องและเทคโนโลยีแทนเจ้าพนักงานจราจร (บางอย่าง) แก้ไขการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ถูกต้อง และการโต้เถียงของประชาชนได้ เพราะกล้องไม่โกหก ยกเว้นตำรวจมั่ว ส่งหมายใบสั่งผิดบ้าน แต่การออกมาตรการบังคับให้ไปชำระค่าปรับภายใน 7 วัน
หากล่าช้าจะต้องชำระค่าปรับล่าช้าเพิ่ม 1,000 บาท และอายัดทะเบียนไว้ สำหรับผม ผิดก็ว่าไปตามผิด ผิดก็ต้องมีหน้าที่จ่ายค่าปรับตากฎหมาย แต่ไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้ชำระค่าปรับล่าช้าอีก 1,000 บาท รวม 1,500 บาท มันโหดร้ายเกินไปใหมครับ แต่ตำรวจได้ค่าปรับ และเปอร์เซ็นต์ค่าปรับเพิ่มอีก 3 เท่า จาก 500 เป็น 1,500 ภายในเวลา 30 วัน มันจะน่าเกลียดไปไหมครับ 1,500 ซื้อนมลูกได้ทั้งเดือน
ท่านจะรีบใช้เงินไปไหน ใจเย็นๆ ให้เวลาชาวบ้านหายใจบ้าง ถ้าสมมุติว่า ชาวบ้านที่โดนใบสั่งทั้ง 1,600 คน ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยวิธีการทางกฎหมาย และใช้สิทธิทางศาลบ้าง แทนที่จะยอมชำระค่าปรับ 500 หรือ 1,500 บาทในกรณีล่าช้า รวมใจรวมตัวกันเดินเข้า โรงพักแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่า ไม่ชำระค่าปรับที่โรงพัก แต่จะไปสู้ในชั้นศาล หรือชำระค่าปรับที่ศาลแทน ถ้ามีสักเดือนละ 1,000 คน งานคงล้นมือตำรวจ และพนักงานอัยการแน่นอน
ลองดูไหมครับ ความผิดลหุโทษ ไม่ต้องประกันตัว เดินถือใบสั่งที่ตำรวจส่งไปให้ทางไปรษณีย์ แล้วบอกพนักงานสอบสวนว่า ขอไปต่อสู้ (ในกรณีไม่ผิด) หรือไปชำระค่าปรับที่ศาลแทน เมื่อไปถึงศาล ถ้าผิดก็รับสารภาพ ศาลก็ปรับ ครึ่งหนึ่งของ 500 บาท คงเหลือ จ่ายค่าปรับที่ศาลเพียง 250 บาท ไม่เสียค่าปรับล่าช้า ไม่ถูกอายัดทะเบียน เพราะถือว่าชำระค่าปรับตามคำพิพากษาแล้ว และที่สำคัญ เงินค่าปรับในศาล ตำรวจจะไม่ได้เปอร์เซ็นแม้แต่สตางค์แดงเดียว อย่าบีบบังคับประชาชนเกินไปนะครับ
ผมเชื่อว่า ถ้ามีคนลุกสู้และใช้วิธีนี้ ตำรวจนั่นแหละครับที่จะเหนื่อยจนไม่ต้องทำงานอย่างอื่น เผลอๆ คดีขาดอายุความเพราะฟ้อไม่ทัน เสียงบประมาณซื้อกล้อง และงบประมาณพิมพ์ใบสั่งเปล่าๆ ถ้าใครสนใจ ก็ลองรวมกลุ่มกัน ในกรณีที่ไม่ผิดด้วยนะครับ อย่าใช้กฎหมายรังแกประชาชนจนทนไม่ได้ ถ้าเห็นด้วยก็ช่วยกันแชร์ต่อด้วยครับ
ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายท่านยังไม่ทราบ เเต่เมื่อรู้แบบนี้แล้วอย่าลืมรักษาสิทธิที่คุณพึงจะได้รับตามกฎหมายด้วยนะคะ