ทุกวันนี้ สมาร์ทโฟนหรือที่เรียกกันติดปากว่า มือถือ นับได้ว่าเป็นอวัยวะส่วนที่ 33 ของเราเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะชายหญิง เด็กหรือแก่ ใครๆก็ใช้กันหมดแล้วเดี๋ยวนี้ ซึ่งเวลาที่เราจ้องมองลงไปบนจอมือถือเมื่อไหร่ นั่นก็หมายความว่าสติของเราถูกดูดลงไปอยู่ในมือถือแล้วเรียบร้อย ถ้าโดนดูดในบ้าน หรือบนฟุตบาธ แล้วเผลอเดินชนใครก็อาจขอโทษขอโพยขอไลน์กันได้ แต่ถ้ามันไปเกิดบนถนนล่ะ แบบสติเราไปโดนมือถือดูดอยู่กลางถนนที่มีรถวิ่งไปวิ่งมา เธอคิดว่ามันจะยังแค่ขอโทษกันได้อยู่อีกรึเปล่า แล้ว Gangbeauty ต้องขอบอกเลยนะว่าในบ้านเรานี่แหละ ตัวดี!
นี่เป็นสถิติการใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถไปด้วยในประเทศไทย ซึ่งจัดทำโดยโกลบอลเว็บอินเด็กซ์ ในนามของฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี เป็นการตั้งแบบสอบถามให้ตอบคำถาม โดยมีผู้ใช้รถใช้ถนนจำนวนถึง 500 คนเป็นคนตอบให้ 500 คน = รถ 500 คันเลยนะ!
38% จากทั้งหมด บอกว่าพยายามแล้วที่จะไม่ใช้โทรศัพท์ แต่มันก็ทนไม่ไหวจริงๆ เปอร์เซ็นต์ในส่วนนี้ แสดงให้เห็นได้ว่าคนไทยจำนวนมากก็รู้กันดีว่าการใช้โทรศัพท์ตอนขับรถมันอันตราย แต่ยังไงก็ต้องใช้ เพราะห้ามใจไม่ได้ ติดโทรศัพท์หนักมากว่างั้นเถอะ
36% จากทั้งหมด ยอมรับกันจังๆว่าไม่ใช่หยิบโทรศัพท์มาโทรมาคุยเท่านั้น แต่ยังมีการเล่นโซเชี่ยลกันในระหว่างขับรถเลยจ้า เวลาเธอเลื่อนเฟสบุ๊คเป็นไง ใครเรียกก็ไม่ได้ยิน ใครทักก็ไม่ตอบ เพราะสมาธิเธอมันไปอยู่ในมือถือหมดแล้วไง นี่เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นได้เลยว่าอันตรายบนท้องถนนมีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
52% จากทั้งหมด เคยหรือเกือบประสบอุบัติเหตุ เพราะไม่มีสมาธิในการขับขี่ นี่แสดงให้เห็นว่าการที่เราขาดสมาธิ ไม่มีสมาธิจดจ่อกับพวงมาลัย กับคันเร่ง กับรถข้างหน้าและท้องถนนนั้น มีความเสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุสูงเกินครึ่ง ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่เธอที่เดือดร้อนนะ คนอื่นที่อยู่บนถนนก็เดือดร้อนด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ชีวิตเกือบพังเพราะถนน มากกว่า 46% คือรับโทรศัพท์ หรือส่งข้อความตอนขับรถนี่แหละ ระวังให้ดีเลยนะ!
69% จากทั้งหมด บอกว่าปัจจัยที่จะทำให้ยอมวางโทรศัพท์ลงก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ แปลว่ากฎหมายยังเอาอยู่ คนไทยยังมีความกลัวกฎหมายกันเยอะพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม จะเจอหรือไม่เจอคุณพ่อ ก็อย่าหยิบโทรศัพท์มาเล่นดีกว่า ไม่ใช่แค่กันปิดกฎหมาย แต่กันความเสี่ยงที่จะเกิดเรื่องร้ายๆกับชีวิตของเธอนั่นแหละ
42% จากทั้งหมด บอกว่าถ้ามีเด็กบนรถ จะไม่แตะโทรศัพท์เลย เหมือนจะดูดี แต่เปอร์เซ็นต์จาก 100 ได้มาแค่ 42% เท่ากับง่ายังมีมนุษย์ผู้ใหญ่เกินครึ่งเลยทีเดียวที่ขับรถไปเล่นโทรศัพท์ไปโดยไม่สนว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับเด็กบนรถหรือไม่
73% จากทั้งหมด ใช้โทรศัพท์ตอนติดไฟแดง หรือช่วงที่จราจรติดขัด อารมณ์แบบรอเลขตรงสี่แยกนับถอยหลังก็ว่างจัด ไม่รู้จะทำอะไร แต่นั่นแหละ มันก็คือความประมาทอยู่ดี ยังไงก็เสี่ยงเหมือนเดิม
รวมๆแล้วคือผู้ใช้ถนนในประเทศไทย ยังมีความประมาทอยู่มากๆ ถึงแม้จะรู้ตัวดีว่าการมีสมาธิขับรถนั้นมันดียังไง แต่ยังไงก็แพ้ทางโทรศัพท์มือถืออยู่ดี นี่จึงเป็นเหตุที่เราควรลดการใช้โซเชี่ยลลงบ้าง ใช้ได้แต่อย่าให้ถึงขั้นเสพติด แงะจากกันไม่ออก และจุดประสงค์ของเทคโนโลยี ก็มีขึ้นเพื่อให้เราใช้ชีวิตสะดวกสบาย ไม่ใช่ใช้ชีวิตบนความเสี่ยงนะจ๊ะ อย่าหลงประเด็น และอย่าคิดแค่ว่าก็นี่มันเรื่องของฉัน ใครจะทำไม เพราะเมื่อไหร่ที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่ใช่แค่เธอที่อาจสูญเสียชีวิต แต่คนที่อยู่ข้างหลังเธอ คนที่รักเธอต่างก็พลอยเสียใจกันไปด้วยนะ!
เป็นเจ้านาย อย่าเป็นลูกน้อง เป็นทาสของโซเชี่ยลกันเถอะ!