เพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง มาสารภาพกับฉันว่า เขาเพิ่งเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง ก็ตอนที่เลิกกับภรรยา ยกตัวอย่างเช่น ต้องล้างห้องน้ำและชักโครกอยู่เสมอ และการเลี้ยงลูกทั้งสองคนต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจเป็นอย่างมาก และที่สำคัญคือการสูญเสียซึ่งอิสรภาพส่วนตัว
ฉันเอ่ยถามเขาว่า
“เมียเก่าของคุณสุขสบายดีเหรอ?”
“หลังจากเลิกกับผม เธอก็แต่งงานใหม่กับคนต่างชาติ เธอสุขสบายดี” เขาตอบ
“เธอเคยกลับมาเยี่ยมลูกๆหรือเปล่า?” ฉันถาม
“ไม่เคยเลย!” เขาตอบอย่างสงบนิ่ง
“เธอไม่รักลูกเลยเหรอ นั่นเป็นลูกของเธอเองนะ?” ฉันถามออกไปแบบไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้
เขายกแก้วเหล้าขึ้นซด จากนั้นก็ระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้ฉันฟัง
ภรรยาของเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง แม้ก่อนแต่งงานจะมีนิสัยเหมือนเด็กสาวทั่วไป แต่หลังจากแต่งงานแล้วก็เป็นคนอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน
ตอนที่เธอคลอดลูกคนแรก เขามักจะออกจากบ้านแต่เช้ากลับเข้าบ้านดึก เพราะผลทางธุรกิจเขาต้องไปกินเลี้ยงกับลูกค้า ภรรยาของเขาเข้าใจดีว่าเขาทำงานด้วยความทุกข์ยาก ไม่ได้ว่ากล่าวอะไร
พอคลอดลูกคนที่2 เขายิ่งกลับบ้านดึกกว่าเดิม บางครั้งก็ต้องเช่าโรงแรมนอนนอกบ้าน ภรรยาของเขาต้องการให้เขามีเวลาให้เธอและลูกให้มากขึ้น แต่เขาก็เอาธุรกิจมาอ้าง ยังคงทำอย่างนั้นเสมอไม่เปลี่ยน
แม่ของเขาเป็นคนหัวโบราณ แม่คิดว่าที่เขาไม่ค่อยกลับบ้านและกลับบ้านดึกดื่นเป็นเพราะภรรยาไม่ดี จึงปฏิบัติต่อภรรยาของเขาอย่างเย็นชา
ปีที่ 8 ของการแต่งงาน ภรรยาของเขาตัดสินใจพูดคุยเปิดอกกับเขาว่า
“แต่งงานกันมา8ปีแล้ว คุณทำอะไรเพื่อครอบครัวบ้าง? คุณทำอะไรเพื่อฉันบ้าง?” เขาพูดด้วยเสียงอ้อแอ้ของคนเมาว่า
“ผมทำงานหาเงินด้วยความยากลำบากเพื่อคุณและลูก อย่างนี้ยังไม่พออีกเหรอ?”
“คุณคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้วเหรอ? คุณคิดว่าลูกผู้หญิงต้องการแค่เงินเลี้ยงดูเหรอ?”
“ถ้างั้นคุณต้องการอะไร? ผมทำให้คุณไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องกินเรื่องใช้ คุณอยู่กับบ้านสบายๆ อยากทำอะไรก็ทำได้ตามอำเภอใจ มีเมียคนไหนจะสบายกว่าคุณอีก? ” เขาพูดออกไปด้วยน้ำเสียงมีโมโห
“แต่งงานกันมาหลายปี คุณไม่เคยเห็นไม่เคยรู้ในสิ่งที่ฉันทุ่มเท คุณไม่เคยรับรู้ความทุกข์ความลำบากของฉัน คุณไม่เคยใส่ใจด้วยซ้ำไปว่าลูกของคุณโตมาได้ยังไง คุณคิดว่าลูกโตเองโดยไม่ต้องใส่ใจเหรอ?” เธอพูดไปร้องไห้ไป
“ผมไม่ได้ทุ่มเทเหรอ?ผมไม่ได้ดูแลคุณเหรอ? เงินที่คุณใช้อยู่นี่ใครเป็นคนหา? ที่ลูกโตขึ้นมาทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะ “เงิน” ที่ผมหามาด้วยความลำบากเหรอ?”
ภรรยาของเขาได้แต่มองหน้าเขานิ่ง ไม่รู้จะสืบสาวเอาความต่อไปอีกทำไม แล้วเธอก็ตัดสินใจเอ่ยขอหย่า โดยไม่เอาอะไรติดตัวไปเลย ทรัพย์สินสมรสก็ไม่เอา ลูกก็ไม่เอา เธอต้องการเพียงแค่ไปจากผู้ชายที่แล้งน้ำใจ ผู้ชายที่ทำให้เธอช้ำใจครั้งแล้วครั้งเล่าคนนี้เสียที
เมื่อเล่าถึงตรงนี้ เพื่อนชายคนนี้ของฉันก็ได้แต่ก้มหน้าไม่พูดอะไร
ฉันคิดว่าเขาคงดื่มมากเกินไป ก็เลยตบไหล่และลูบหลังให้
“คุณรู้ไหม ตั้งแต่ผมเล็กกับเมีย ผมก็พยายามหาแม่ใหม่ให้กับลูก แต่ว่า ที่ผมชอบลูกก็ไม่ชอบ!”
“เพราะว่าลูกไม่ชอบคุณก็เลยไม่สานต่อเหรอ?” ฉันถาม
“อื่อ!” เขาผงกหัวรับคำ จากนั้นก็เล่าต่อไปอีกว่า
“มาถึงตอนนี้ ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าลูกไม่ได้โตขึ้นมาเองได้ แม่ของผมเป็นคนดื้อมาก ที่แท้ งานบ้านมันทำทั้งวันก็ไม่มีวันจบ และการเลี้ยงลูกทั้งสองคนก็ยุ่งจนไม่มีเวลาไปที่ไหนได้อีกแล้ว ที่ชักโครกมันสะอาดเพราะต้องคอยล้างอยู่เป็นประจำ..”
เขาเริ่มร้องไห้..
ส่วนฉัน ตกอยู่ในภวังค์ของความคิด
ฉันคิดว่า ผู้ชายบางคนรักผู้หญิงไม่เป็น
เขาแค่ต้องการเมีย เขาแค่ขาดแม่นม ขาดคนรับใช้ในบ้าน หรือแค่ต้องการคนให้กำเนิดบุตรเพื่อสืบสกุลของเขาก็เท่านั้นเอง
เพื่อนของฉันคนนี้ไม่เคยรู้ว่าชักโครกต้องล้าง เมื่อวันหนึ่งที่เขาต้องก้มตัวลงไปล้างชักโครกเอง เขาจึง
รู้ตัวว่าเคยมีผู้หญิงคนหนึ่งที่สำคัญกับชีวิตของเขาเพียงใด..
สิ่งของสามอย่างที่ผ่านไปแล้วไม่อาจย้อนคืนมา
1. เวลา
2. ชีวิต
3. วัยเยาว์
สิ่งของสามอย่างที่ส่งผลทำลายชีวิตคนเรา
1. โทสะ
2. โอหัง
3. ใจแคบ
สิ่งของสามอย่างที่ไม่ควรทิ้งไป
1. ความเดียงสา
2. อุดมการณ์
3. ความหวัง
สิ่งของสามอย่างที่ประมาณค่าไม่ได้
1. ความรัก
2. ความดี
3. มิตรภาพ
สิ่งของสามอย่างที่ไม่นิรันดร์
1. ความสำเร็จ
2. ทรัพย์สมบัติ
3. ความฝัน
สิ่งของสามอย่างที่ส่งเสริมเราให้สำเร็จ
1. เวลา
2. สถานที่
3. ผู้คน
สิ่งของสามอย่างที่ต้องถนอมรักษา
1. พ่อแม่
2. บุตรธิดา
3. คนที่อยู่ตรงหน้า
สิ่งของสามอย่างที่ใช้ในการทำงาน
1. เป้าหมาย
2. วิธีการ
3. แก้ไข
สิ่งของสามอย่างที่ใช้ในการคบมิตร
1. สัจจะจริงใจ
2. สละอุทิศ
3. น้ำใจไม่เห็นแก่ตัว
สิ่งของสามอย่างที่ต้องรักษาไว้ให้ดี
1. โอกาส
2. ชีวิต
3. คู่ครอง