เรียกได้ว่าเป็นอีกหนุ่งบทความที่น่าอ่าน โดยในเนื้อหานั้นมีอยู่ว่า?อย่าคาดหวังอะไรจากลูกๆ ต่อให้คุณเลี้ยงใครไว้เผื่อดูแลคุณยามแก่เฒ่า เขาก็ต้องวุ่นวายกับการงานและภาระผูกพันต่างๆ เกินกว่าจะเวลามาช่วยเหลือดูแลอะไรคุณได้มากนัก อย่าคุณต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้วมีเงินเท่าไรก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้
ดังนั้น.. ตราบใดที่คุณยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว อายุเท่านี้แล้ว คุณควรอยู่อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งดีกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้าของเด็กๆ
สิ่งที่ควรจะแข่งกันจริงๆนั้น คือแข่งกันมีความสุข, มีสุขภาพดี และอายุยืนนาน ส่วนอะไรที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไปฝังอกฝังใจให้ป่วยการและทำลายสุขภาพตัวเองเลย อายุป่านนี้แล้วก็ยังเปลี่ยนมันไม่ได้เลย
“คนที่ไม่มีลูกเรียกว่าเป็นคนมีบุญ”
ถาม : คือตัวลูกเองไม่มีลูกเป็นของตัวเอง ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะลูกไม่มีบุญใช่ไหมคะ
พระอาจารย์ : มีบุญสิ คนไม่มีลูกจะไปไม่มีบุญได้ยังไง คนมีลูกหน่ะเป็นคนมีกรรม ถามคนมีลูกเขาดูสิ
ถาม : ทำไมคนที่มีลูกถึงมีกรรมละครับ
พระอาจารย์ : เพราะว่าเลี้ยงลูกมันทุกข์ไง เดี๋ยวลูกก็ดื้อ เดี๋ยวลูกก็ไม่เชื่อฟัง ทำอะไรก็ไม่เชื่อฟัง หรือลูกไปทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา พ่อแม่ก็
ต้องทุกข์ ลูกไปทำร้ายข้าวของของคนอื่น พ่อแม่ก็ต้องมารับผิดชอบมาจ่ายค่าเสียหายต่างๆ งั้นเลี้ยงลูกมันไม่ใช่เป็นของสนุก ต้องหาเงินหาทอง
มาให้มีใช้อยู่ตลอดเวลา ลูกนี่ไม่ต้องหาเลยใช่ไหม อยากจะได้เงินอะไรก็แบมืออย่างเดียวขออย่างเดียว พ่อแม่นี่กว่าจะหาเงินมาได้สักบาทนี่ต้อง
เหนื่อยยาก ถ้าไม่มีลูกก็ไม่ต้องมาหาเงินมาเลี้ยงลูกให้เหนื่อยยาก เนี่ยเขาถึงเรียกว่าเป็นทุกข์ คนที่ไม่มีลูกหน่ะเรียกว่าเป็นคนมีบุญ เราอย่าไปมี
ลูกล่ะเข้าใจไหม เราเป็นลูกก็ได้แต่อย่าไปมีลูกก็แล้วกัน โตไปก็บวช บวชแล้วสบายไม่ต้องมาเลี้ยงลูกให้ทุกข์
ถาม : ถ้ามีคนสองคน คนหนึ่งมีลูกแล้วอีกคนนึงไม่มีลูก คนที่มีลูกเขาก็เลี้ยงลูกไปด้วยความทุกข์แล้วก็แก่ไปทั้งคู่ แล้วตอนบั้นปลายชีวิตคนที่มี
ลูกเขาได้ลูกดีก็จะดูแลพ่อแม่ยามเจ็บไข้ได้ป่วย แต่คนที่ไม่มีลูกก็ไม่มีคนดูแล แล้วใครจะมีกรรมมากกว่ากันคะ
พระอาจารย์ : คนที่ไม่มีลูกหน่ะสบาย เพราะจะได้พึ่งตนเองได้ จะรู้จักพึ่งตนเอง ถ้าพึ่งไม่ได้ก็ตาย ก็ไม่เป็นไรยังไงก็ต้องตายอยู่ดี แล้วก็โอกาสที่
จะได้ลูกดีมันก็มีน้อยมากโอกาสได้ลูกไม่ดีมันจะมีมากกว่า แล้วจะมาเสียอกเสียใจมากกว่าคนที่ไม่มีลูก คนที่ไม่มีลูกเขาก็ต้องเตรียมตัวพึ่งตัวเขา
เมื่อเขาไม่มีใครมาพึ่งแล้วเขาอยู่กันได้ อย่างเป็นพระนี่ก็ไม่มีลูกใช่ไหม ก็ต้องรู้จักพึ่งตัวเองให้มาก หัดช่วยเหลือตัวเองเอาไว้ เพราะมีลูกก็ใช่ว่าลูกจะอยู่เลี้ยงดูเราเสมอไป
ยิ่งเราเลี้ยงเขามาดี เรายิ่งคาดหวังกับเขาไว้มาก ว่าเมื่อเราแก่ขึ้นมาเขาต้องกลับมาเลี้ยงดูเรา แต่ถ้าเขาเกิดไม่มาดูแลเราละ จะไม่ยิ่งทุกข์ไปใหญ่หรอ
บางคนยิ่งแล้วใหญ่ พอมีลูก ลูกมีหลาน เอาหลานมาฝากไว้ให้เลี้ยง เป็นภาระต่อไปอีก แล้วก็ไม่เคยกลับมาดูแลเราด้วยซ้ำ
สิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์มากที่สุดคือ ความคาดหวัง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องคาดหวังอะไรแต่แรกก็ไม่ทุกข์ พึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุดก็พอ