“ทรายในกำมือ” เรื่องเล่าให้ข้อคิด สำหรับการใช้ชีวิตคู่ที่ยืนยาวและยั่งยืน
หญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะออกเรือน มารดาจึงพานางมาไว้พระเสี่ยงเซียมซีที่วัด จากนั้นก็มากราบคารวะพระอาจารย์เซน ผู้เป็นแม่ถามว่า
“ลูกสาวของข้ากำลังจะแต่งงาน แต่งงานไปแล้ว นางจะมีความสุข ชีวิตรักหวานชื่น ราบรื่นดีหรือไม่?”
พระอาจารย์ยิ้มๆแล้วพูดกับหญิงที่เป็นแม่ว่า
“โยมลองกอบทรายสักกำมือหนึ่ง แล้วกำไว้ในมือ”
อาจารย์เซนหันไปถามหญิงสาวว่า
“โยมเห็นทรายในมือแม่ไหม ตอนนี้มันเป็นอย่างไร?”
หญิงสาวตอบว่า “มันพูนๆเต็มฝ่ามือ ดูสมบูรณ์ดีเจ้าค่ะ”
อาจารย์เซนหันไปบอกผู้เป็นแม่ว่า
“โยมลองบีบมือกำทรายให้แน่นๆ สิ”
ผู้เป็นแม่ทำตาม ออกแรงบีบทรายในมือจนแน่น ทรายหลุดร่วงออกมาจากร่องมือของนาง ครั้นคลายมือออกทรายที่อยู่เต็มกำมือ ตอนนี้เหลืออยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
หญิงสาวมองดูทรายในมือแม่แล้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจ พระอาจารย์เซนพูดอย่างเมตตาว่า
“ใครๆก็อยากมีชีวิตรักที่หวานชื่นสมบูรณ์ หากปรารถนาเช่นนั้นจริง ก็ต้องเรียนรู้ศาสตร์และศิลป์ของระยะห่าง จงเห็นความรักเป็นเหมือนทรายในกำมือ ถ้าอยากเห็นทรายพูนมือสมบูรณ์ดี ก็อย่าไปบีบไปอัดมันแรงๆ ต้องถืออย่างถะนุถนอม รักษาระยะห่างให้พอดีๆ ไม่กำแน่นเกินไป บีบ อัดจนร่วงหล่นหายไปจากกำมือ”
นิทานเซนเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า?รักษาระยะห่างให้พอดี พระอาจารย์เซนเปรียบเทียบชีวิตรักว่า เหมือนทรายในกำมือแม้ใจอยากจะกำมันไว้แน่นๆ แต่ยิ่งกำแน่น ทรายก็ยิ่งหลุดไหลออกไป หายไปอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเรากำพอหลวมๆ ทรายก็อยู่เต็มฝ่ามือเหมือนเมื่อตอนที่กำขึ้นมาใหม่ๆ การรักษาระยะห่างในขนาดที่พอดี
การดำเนินชีวิต หากสนิทสนมกับใครมากเกินไป ก็มักมีเรื่องกระทบกระทั่งกัน ขัดใจกันเป็นธรรมดา หากห่างเกินไป ก็ไม่มีเรื่องคุย ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ชีวิตหาความสุขไม่ได้ กับญาติมิตรก็เช่นกัน กับคนรักก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
ชีวิตรักจะยืนยง ก็ต่อเมื่อคู่รักต่างมีธรรมะในใจ เป็นความรักที่มีสติ มีปัญญา มองเห็นความเป็นจริง จึงเป็นความรักที่มั่นคง รู้จักให้รู้จักอภัย ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ใช่อารมณ์ ยิ่งรักยิ่งปรับปรุงตัวเป็นคนดี ยิ่งอยู่นานสายใยรักก็ยิ่งแน่นแฟ้น ยิ่งแก่ก็ยิ่งเห็นคุณค่าของกันและกัน.