ฤดูร้อนใกล้เข้ามา แน่นอนว่ามันต้องมาพร้อมกับอุณหภูมิพุ่งขึ้นสูง และแสงแดดอันร้อนแรงแผดเผา รังสียูวีแฝงตัวอยู่ทั่วทุกที่ เราทุกคนรู้ดีว่าควรทาครีมกันแดด แต่ถ้าไม่ได้อยู่ริมชายหาดทั้งวัน..เราส่วนใหญ่ก็ไม่ใช้หรอก ได้เวลาแล้วที่เราควรเริ่มให้ความสนใจครีมกันแดด และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับผิวหนังเมื่อสัมผัสกับรังสีอันตรายจากแสงแดด
1.ผิวคล้ำขึ้น
ผิวหนังของเราประกอบไปด้วยชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ และไขมัน ชั้นที่ตื้นสุดคือชั้นหนังกำพร้าซึ่งทำหน้าที่ปกป้องเราจากแสงแดด เมื่อเราสัมผัสกับรังสียูวี (กลางแจ้งหรือเตียงอาบแดด) เซลล์ส่วนล่างของหนังกำพร้าจะดันขึ้นข้างบนเพื่อทำให้ผิวหนาขึ้นและแข็งกระด้าง เซลล์บางส่วนในชั้นหนังกำพร้าที่มีชื่อว่าเมลาโนไซต์จะผลิตสีเข้มและทำให้เรามีผิวสีแทน ดังนั้นเมื่อถูกแดด..ผิวของเราก็จะเสียหาย
2. มีไฝใหม่เกิดขึ้น
การสังเกตเห็นว่าไฝ ฝ้า กระ มีจำนวนมากขึ้นในช่วงฤดูร้อนเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งสัมผัสกับแสงแดดก็จะยิ่งเห็นจุดด่างดำมากขึ้น จำได้ไหม..เซลล์เมลาโนไซต์จะทำให้สีผิวของเราเข้มขึ้น? คนผิวขาวมีแนวโน้มที่จะเป็นฝ้า กระ มากกว่าคนทั่วไป โดยปกติคนเราจะมีไฝประมาณ 20-40 จุด หากคุณสังเกตเห็นไฝใหม่หรือมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้น
3. ผิวจะไหม้
เมื่อพูดถึงความเสียหายจากแสงแดด การที่ผิวหนังกลายเป็นสีน้ำตาลคือสัญญาณแรกและต่อมาคือผิวไหม้ซึ่งจะส่งผลให้เกิดอาการคัน แดง และแสบร้อน หรืออาจพองได้ด้วย..ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการเผาไหม้ นอกจากนี้การถูกแดดซ้ำๆก็อาจทำให้คุณมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังและริ้วรอยก่อนวัยอันควร
4. ดูแก่กว่าปกติ
ยิ่งตากแดดมากเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งดูแก่มากเท่านั้น ประมาณร้อยละ 90 ของผิวที่มีริ้วรอยเกิดจากแสงแดด ผู้ที่ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 เป็นอย่างน้อยจะมีริ้วรอยแห่งวัยน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ทาครีมกันแดดเลยราวร้อยละ 24
5. คุณทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง
โรคมะเร็งผิวหนังพบได้บ่อยมากจนน่าตกใจ ฉันตกใจที่รู้ว่ารังสียูวีสามารถทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้มากกว่าการสูบบุหรี่ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอด อันที่จริงในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งผิวหนังมากกว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม ต่อมลูกหมาก ปอด และลำไส้รวมกันเสียอีก! จงจำไว้ว่าทุกครั้งที่อยู่กลางแดดโดยที่ไม่มีร่มเงาหรือไม่ได้ทาครีมกันแดดจะทำให้เราตกอยู่ในความเสี่ยง ดังนั้นเมื่อใดที่คุณต้องออกแดดก็อย่าลืมทาครีมกันแดดล่ะ
6. แต่ฉันต้องการวิตามินดี!
ใช่เราทุกคนคงเคยได้ยินว่าเราต้องการแสงแดดเพื่อให้ได้วิตามินดีสำหรับสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องทาครีมกันแดด อย่าทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งเพียงเพื่อวิตามินเพียงชนิดเดียว คุณสามารถรับประทานอาหารเสริมหรือเลือกซื้ออาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินดี เช่น ไข่และปลาแซลมอน ขณะที่นมกับน้ำส้มก็เป็นอาหารเสริมที่มีวิตามินดี นอกจากนี้การใช้เวลาอยู่ท่ามกลางแสงแดดเพียงวันละ 10-15 นาทีก็ทำให้คุณได้รับวิตามินดีเพียงพอด้วย
7. จะเกิดอะไรขึ้นหากผิวของคุณไหม้เรียบร้อยแล้ว?
เมื่อคุณใช้เวลาอยู่กลางแจ้งทั้งวันและลืมทาครีมกันแดด นอกจากจะทำให้ผิวของคุณดูมีอายุและมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ผิวไหม้แดดก็เป็นอีกอาการหนึ่งที่เห็นได้ชัด ดังนั้นยิ่งรักษาให้หายได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี หากผิวไหม้ระหว่างที่อยู่ในสระก็แช่น้ำในสระเพื่อทำให้ผิวของคุณเย็นลง ใช้เวลา 2-3 นาทีเท่านั้นจากนั้นก็หาที่บังแดด นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ถุงน้ำแข็งหรืออาบน้ำเย็นเพื่อทำให้รู้สึกดีรวมทั้งดื่มน้ำเพื่อทดแทนของเหลวที่สูญเสียไปในระหว่างวันด้วย หลังอาบน้ำเย็นคุณควรทาโลชั่นหรือครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำเพื่อช่วยในการลอกผิวที่ไหม้หรือพุพองออกไป หากรู้สึกปวดจนทนไม่ได้..คุณสามารถรับประทานยาแก้อักเสบหรือทาครีมคอร์ติโซนเพื่อบรรเทาอาการปวด
8. วิธีทาครีมกันแดด
หมั่นทาครีมกันแดดและทำให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรในยามเช้า ล้างหน้า แปรงฟัน และทาครีมกันแดด หรือซื้อเครื่องสำอางที่มีค่า SPF ในตัวเพื่อลดขั้นตอน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าครีมกันแดดสามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบีรวมถึงควรมีค่า SPF ไม่ต่ำกว่า 30 ทั้งนี้รังสียูวีบีมีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวไหม้ แต่รังสียูวีเอจะทะลุเข้าไปในผิวของเรา ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยและโรคมะเร็งผิวหนัง คุณควรวางครีมกันแดดขวดเล็กไว้ทุกที่ เช่น รถยนต์ กระเป๋า หรือที่ทำงาน อย่างไรก็ตามไม่มีครีมกันแดดชนิดใด (ไม่ว่าจะมีค่า SPF เท่าใดด้วย) ที่สามารถปกป้องคุณได้นานกว่า 2 ชั่วโมง ทางที่ดีคุณควรทาซ้ำเพื่อปกป้องผิวตลอดทั้งวัน
9. ฉันสามารถทำอะไรได้อีก?
การทาครีมกันแดดไม่ใช่วิธีเดียวในการปกป้องตัวเอง ส่วนวิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังคือการปกป้องผิวด้วยเสื้อผ้า เช่น การสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว เป็นต้น คุณควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบาและพยายามอยู่ให้ห่างจากแสงแดดโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน มองหาที่ร่มเสมอโดยเฉพาะในช่วงเวลาระหว่าง 10.00 -14.00 น. สุดท้ายโรคมะเร็งผิวหนังรักษาได้หากสังเกตเห็นตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนั้นอย่าลืมสังเกตความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนผิวหนังของตัวเองเสมอ