การกระทำของพ่อแม่ ถือเป็นแบบอย่างแรกๆให้ลูกเสมอ ดังนั้นพ่อแม่ควรระมัดระวังกิริยาอาการ หรือการแสดงความคิดต่างๆต่อหน้าลูกของคุณ และหากคุณเป็นคนอารมณ์ร้อน ควรฝึกตัวเองให้ใจเย็นลง เพราะลักษณะนิสัยเหล่านั้นอาจส่งผลต่อลูกๆของคุณได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นควรอธิบายหรือทำความเข้าใจกับลูกว่าการกระทำใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม
1. อย่าทะเลาะกันต่อหน้าลูก
การทะเลาะกันนอกจากจะเป็นการใช้คำพูดที่รุนแรงและอาจเผลอพูดคำหยาบคายออกมาต่อหน้าลูก จะไปสร้างบาดแผลในใจให้กับลูก ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเขาต้องอยู่ข้างใคร จะทำให้ลูกเกิดอาการสับสน และรู้สึกเหมือนขาดที่พึ่ง เพราะในความคิดของเด็กทุกคนคือการอยากเห็นพ่อกับแม่รักกันนั่นเอง
2. อย่าใช้ระดับเสียงที่ดังเกินไป
ระดับของเสียงที่เด็กสามารถรับฟังได้ไม่ควรเกินระดับเสียงพูดคุยในร้านกาแฟ การได้ยินเสียงในระดับที่ดังเกินไปของลูกน้อยอาจส่งผลทำให้การได้ยินเสียงมีปัญหา เพราะฉะนั้นถ้าคุณแม่ทั้งหลายอยากเปิดเพลงให้ลูกรักฟัง เพื่อกระตุ้นพัฒนาการของเค้า ก็ให้เลือกเป็นเพลงที่ซอฟต์ๆ ลงมาสักนิดนะคะ และใช้ระดับเสียงที่เหมาะสม ป้องกันการเลียนแบบคำสบถจากบทเพลงโดยไม่รู้ตัว
3. อย่าพูดคำหยาบ
คำพูดหยาบคายของพ่อแม่แม้จะเป็นเพียงคำสบถ ก็จะทำให้ลูกจดจำได้และเผลอพูดออกมาโดยไม่ได้สนใจความหมายหรือยังไม่เข้าใจความหมายของมัน ดังนั้น พ่อแม่ควรระมัดระวังคำพูดของตนเองเมื่ออยู่ต่อหน้าลูก เพราะเด็กเป็นวัยที่จดจำคำพูดของผู้ใหญ่ได้ดี
4. อย่าสูบบุหรี่หรือดื่มของมึนเมาให้เด็กเห็น
บุหรี่และเหล้านอกจากจะเป็นอันตรายต่อคุณแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อบุคคลรอบตัวอีกด้วย เพราะคนที่อยู่รอบข้างจะได้รับควันพิษจากบุหรี่ไปพร้อมกับคุณอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากคุณดื่มเหล้า ก็จะขาดสติทำให้แสดงพฤติกรรมที่แย่ๆ และไม่สามารถควบคุมได้ออกมา เมื่อเด็กรับรู้และเห็นเป็นประจำ จะทำให้เขาเห็นว่าการสูบบุหรี่หรือการดื่มเหล้าไม่ใช่เรื่องผิด
5. อย่าเล่นโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตให้ลูกเห็นมากเกินไป
การที่เราติดโทรศัพท์จะทำให้ลูกติดตามและส่งผลแย่ต่อสุขภาพรวมทั้งส่งผลต่อการพัฒนาส่วนต่างๆ ของลูกด้วยไม่ว่าจะเป็นสมอง หรือร่างกาย ดังนั้นในวัยเด็กเป็นวัยที่ควรได้เล่นอย่างเหมาะสม เพื่อช่วยในการฝึกพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ และเรียนรู้ที่จะรักการอ่าน วางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาเล่นกับลูกให้มากขึ้นนะคะ
6. อย่าปล่อยลูกไว้กับรายการทีวี
แม้ว่าการปล่อยให้ลูกดูโทรทัศน์จะเป็นการสร้างความบันเทิงอย่างหนึ่งในเวลาว่าง แต่ไม่ควรลืมว่าโทรทัศน์อาจมีสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับการเรียนรู้ในช่วงวัยของเด็ก โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเปิดทีวี การตอบสนองต่อสิ่งอื่นก็จะน้อยลง เนื่องจากเด็กจะตั้งสมาธิจดจ่อกับสื่อในโทรทัศน์ โดยเฉพาะรายการการ์ตูน เขาจะตั้งสมาธิในการรับรู้ว่าตัวละครแต่ละตัวทำอะไร พร้อมกับภาพเคลื่อนไหวที่สุดแสนจะน่ารักสีสันสดใส เมื่อคุณพ่อและคุณแม่อย่างเราพูดจึงเป็นไปได้ยากที่เขาจะฟังและทำตามที่เราบอก ดังนั้น การให้คำแนะนำระหว่างดูโทรทัศน์จึงเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมทั้งควรอธิบายว่าสิ่งใดควรทำ และสิ่งใดไม่ควรทำ เพื่อป้องกันการเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และส่งผลอันตรายต่อเด็กได้
7. อย่าดูถูกหรือล้อเลียนคนอื่นต่อหน้าลูก
การดูถูกคนอื่นหรือล้อเลียนคนอื่นต่อหน้าลูก เป็นพฤติกรรมที่แย่และไม่ควรทำ เพราะจะทำให้เด็กขาดการเคารพบุคคลอื่น คิดว่าตนเองดีที่สุด และไม่เห็นคุณค่าของบุคคลอื่น รวมทั้งไม่เห็นคุณค่าของตนเองอีกด้วย
8. อย่าโกหก
ถึงแม้ว่าลูกคุณจะยังเล็กแต่เขาก็มีความจำเป็นเลิศ เมื่อพ่อแม่ได้สัญญากับเขาไว้แล้ว ก็จะต้องรักษาสัญญานั้น เพราะหากคุณไม่รักษาสัญญา เด็กจะไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่เราพูดอีก เป็นการลดความน่าเชื่อถือและความไว้เนื้อเชื่อใจกับพ่อแม่ลง
9. อย่าเก็บอารมณ์มาลงกับลูก
ไม่ว่าคุณจะเครียดจากที่ทำงาน หรือทะเลาะกับสามีหรือภรรยา ก็ไม่ควรเอาอารมณ์เหล่านั้นกลับมาลงกับลูก เพราะเด็กเขาไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุณและไม่รู้เรื่องความเครียดของคุณ ก่อนเข้าบ้านควรวางปัญหาทุกอย่างไว้ เพราะการที่เรายิ้มแย้มแจ่มใสต่อหน้าลูกเสมอ จะเป็นการสร้างเด็กให้เป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส เพื่อพัฒนาการด้านต่างๆ ที่จะตามมาในอนาคต