แม้จะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ แต่ความเชื่อในสมัยโบราณ ยังไงก็ยังคงมีอิทธิพลกับคนในชาติเสมอ ยกตัวอย่างเช่นคำกล่าวที่ว่า “หากงูสวัดพันรอบตัว จะต้องตาย” ทำให้คนไทยเกิดความหวั่นวิตก ยิ่งพอบางคนเป็นก็ถึงกับกระโตกกระตาก เพราะกลัวไม่หายและจะต้องตายสถานเดียว Gangbeauty บอกเลยว่าพวกเธอควรทำความรู้จักกับงูสวัดซะใหม่ โรคนี้ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิดนะจ๊ะ!
งูสวัด เป็นโรคจากไวรัสตัวเดียวกันกับอีสุกอีใส โดยชื่อเรียกของมัน ก็มาจากลักษณะภายนอกที่คนสมัยก่อนมองเห็นด้วยตาเปล่านั่นแหละ ก่อนเริ่มเป็นงูสวัด จะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเหมือนถูกไฟไหม้ ตรงบริเวณเส้นประสาทแถวชายโครง ใบหน้า แขน ขา หลังจากนั้นจะมีตุ่มน้ำเกิดตามมา ซึ่งอาการพวกนี้มักจะหายไปได้เอง ในระยะเวลา 10-15 วัน และไม่ค่อยเกิดซ้ำเท่าไหร่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ป่วยด้วย เพราะอาจมีกรณี ตุ่มน้ำหายแล้ว แต่ความปวดแสบปวดร้อนยังอยู่ เรียกอาการแบบนี้ว่า “ปวดประสาทค้าง” ถ้าเข้ามาขั้นนี้ จะค่อนข้างใช้เวลานานกว่าจะหายไป
คนที่มีโอกาสเป็นงูสวัด มักเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน เชื้อของอีสุกอีใส จะยังแฝงอยู่ใต้ผิวหนัง หากเมื่อไหร่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำลง เช่น อายุมากขึ้น เครียด ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ติดเชื้อ H.I.V. หรือเป็นมะเร็ง เชื้อเหล่านั้นก็จะแบ่งตัวเพิ่มขึ้น กระจายตัวอยู่ในปมประสาท ทำให้เส้นประสาทอักเสบ จนเกิดเป็นงูสวัดขึ้นมาได้
มาถึงคำถามที่่ว่า “การเป็นงูสวัด ถ้าพันรอบตัวก็จะตาย” นั้นจริงหรือไม่ Gangbeauty ต้องขอแย้งรัวๆ เลยว่าไม่จริงนะ งูสวัด ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดทำให้คนหนึ่งคนจบชีวิตลงได้ ใครที่เป็น สามารถหายเองได้ตามธรรมชาติเมื่อร่างกายฟื้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้กลับมาเป็นปกติ ที่สำคัญ งูสวัดโดยปกติจะไม่เกิดรอบตัว จะเกิดแค่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายเท่านั้นเอง แต่บางคนก็อ่อนแอมาก ภูมิต้านทานต่ำ หรือได้รับยากดภูมิต้านทาน รอยโรคก็อาจจะปรากฎขึ้นได้ทั้งสองข้างพร้อมกัน เลยทำให้ดูเหมือนงูพันรอบตัวนั่นเองจ้ะ
เท่านี้ก็ไม่ต้องกังวล แค่ดูแลรักษาสุขภาพให้ดีก็พอแล้วเนอะ!