สำหรับคนที่ต้องจากบ้านไกลมาทำหน้าที่ต่างๆ ทั้งเรียน ทำงาน การมีความคิดที่จะเช่าบ้าน คอนโด ทาว์นเฮาส์ เพื่ออาศัยคงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อย้ายเข้ามาแล้วก็อยากอยู่นานๆ ไม่อยากเจอปัญหากวนใจให้ต้องปวดหัวย้ายเข้าย้ายออกบ่อยๆ วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ 6 เรื่องที่ควรรู้และตรวจสอบก่อนตัดสินใจเช่าบ้านเพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกที่อยู่ดีๆ อยู่ได้นานๆ และลดปัญหาที่อาจจะเกิดภายหลังได้ ก่อนจะเช่าบ้านหรือคอนโดควรเช็กอะไรบ้าง ไปเตรียมความพร้อมกันเลยค่ะ
1. เช็กระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือเรื่องความปลอดภัย ทั้งต่อชีวิตเราและข้าวของในบ้าน โดยเฉพาะถ้าเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ในระหว่างที่เข้าไปดูบ้านก่อนเช่า ควรเช็กสถานที่ตั้ง เส้นทางว่าปลอดภัยไหม สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร เปลี่ยวไหม มีระบบกล้องวงจรปิดหรือไม่ หากต้องใช้ลิฟต์ในอาคารอพาร์ทเมนต์ก็ควรตรวจสอบใบอนุญาตในลิฟต์ วันที่บนบัตร สภาพการใช้งานต่างๆ ด้วย
หากเป็นอพาร์ตเมนต์ที่สภาพเก่าแล้วก็ควรเช็กความแข็งแรงของประตู ระบบคีย์การ์ดด้วยว่าสามารถป้องกันบุคคลภายนอกเข้าและออกได้ไหม มีอุปกรณ์ดับเพลิงหรือเปล่า ซึ่งผู้เช่าอย่างเราสามารถสอบถามรายละเอียดกับทางเจ้าของบ้านได้ ยิ่งทำการบ้านในการสอบถามรายละเอียดความปลอดภัยได้มากเท่าก็ยิ่งทำให้เรามีความปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
2. เช็กสัญญาณโทรศัพท์ให้พร้อม
การเช่าบ้านสิ่งสำคัญลำดับต่อมาคือเรื่องระบบสื่อสารที่ต้องมีความพร้อม สามารถติดต่อกับภายนอกได้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้น ตรวจสอบดูว่าที่เช่ามีระบบอินเทอร์เน็ต Wifi สัญญาณโทรศัพท์เตรียมพร้อมให้หรือไม่ นอกจากนี้ควรเช็กสัญญาณโทรศัพท์ของตัวเองด้วยว่าเมื่ออยู่ในพื้นที่นี้แล้วสัญญาณต่างๆ ใช้งานได้ดีไหม ทั้งสัญญาณการโทรและอินเทอร์เน็ตต่างๆ หากสัญญาณ WiFi ของที่พักไม่เสถียร อย่างน้อยโทรศัพท์มือถือของเราก็ยังสร้างความเชื่อมั่นได้
https://www.gangbeauty.com/uppic/2019-07/25/2171c5ce1.jpg
https://www.gangbeauty.com/uppic/2019-07/25/4f73dd473.jpg
3. เช็กระบบน้ำต่างๆ ให้เรียบร้อย
ระบบน้ำเป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่ผู้เช่าต้องตรวจสอบทุกครั้งก่อนเลือกเช่าที่อยู่อาศัย หากอยู่ๆ ไปแล้วประสบปัญหาน้ำไหลช้า น้ำไม่ไหล หรือน้ำมีกลิ่นคงไม่ดีแน่ เมื่อเจ้าของที่พักพาเราเข้าไปตรวจสอบภายในห้อง หรือบ้านที่อยู่อาศัยที่เราจะเช่า ให้ลองเปิดก็อกน้ำและฝักบัวดูเพื่อเช็กแรงดันน้ำและสภาพน้ำด้วย นอกจากนี้อาจตรวจสอบทดลองสภาพชักโครกว่าการทำงานโอเคหรือไม่ หากน้ำไหลไม่เพียงพอ ระบบน้ำไม่ดีคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้เช่าอย่างเราแน่ๆ
4. สอบถามเรื่องระบบการจัดการขยะ
การจัดการความสะอาดของที่พักก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่หลายคนก็มักมองข้าม เพราะการจัดการขยะที่ไม่ดีอาจส่งผลทำให้สภาพแวดล้อมไม่น่าอยู่ สกปรก ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนการอยู่อาศัย ลองสำรวจสภาพการจัดการขยะรอบๆ ว่ามีการจัดระเบียบที่ดีไหม สอบถามผู้ให้เช่าว่ามีรถขยะมาเก็บกวาดทุกวันหรือเปล่า เรื่องเหล่านี้อาจจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกที่อยู่ได้ง่ายขึ้นบ้างล่ะค่ะ
5. เช็กสภาพห้องที่อยู่อาศัย
สภาพห้องที่ดี สะอาด สวยงามย่อมทำให้ผู้เช่าเทใจที่จะอยากอยู่ เมื่อเข้าไปเช็กสภาพห้องนอกเหนือจากการมองดูเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแล้ว เราก็ควรใส่ใจกับความสะอาดของพื้นผิวผนังและสภาพแวดล้อมในห้องด้วย ทั้งเพดานห้องและผนังในบ้านว่าสะอาดสวยงาม ไม่มีคราบน้ำและร่องรอยการไหลของน้ำ เพราะหากพบเจอร่องรอยเหล่านั้นอาจต้องระวังปัญหาการซึมของน้ำและการรั่วไหลของน้ำ หากมีกลิ่นเหม็นอับในห้องก็หมายถึงความชื้นที่เยอะมากและระบบการระบายอากาศไม่ดี ซึ่งจะเป็นปัญหาใหญ่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตของเราได้
6. เช็กเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของในสัญญาเช่าให้ดี
การเช่าห้องที่มาพร้อมกับความสะดวกสบาย มีเฟอร์นิเจอร์ครบครันย่อมเป็นสิ่งที่ผู้เช่าหลายคนปรารถนา แต่การมีสิ่งอำนวยความสะดวกในแต่ละที่ก็อาจจะฟรีหรือมีแพ็กเกจเสริมที่ต้องจ่ายตังค์เพิ่มนอกเหนือจากสัญญา ดังนั้นก่อนทำการเซ็นสัญญาควรเช็กสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นและตกลงกับผู้ให้เช่าก่อนทุกครั้ง อุปกรณ์ที่ทางผู้ให้เช่าจัดให้มีครบไหม ชำรุดหรือเปล่า เช็กให้เรียบร้อย และหากต้องการอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัญญาที่อาจต้องจ่ายค่าเช่าเพิ่ม ก็ต้องตกลงกันให้ชัดเจนก่อนทำสัญญา ยอมรับข้อตกลงในการอยู่ก่อนตัดสินใจเช่า เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมาทีหลังได้แล้ว
ที่อยู่อาศัยควรเป็นสถานที่ผ่อนคลาย ช่วยเติมพลังที่ดีให้เรา ดังนั้นก่อนตัดสินใจเช่าควรตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบ เพื่อลดปัญหาจุกจิกที่จะตามมาภายหลัง สร้างความปลอดภัยอยู่อย่างสบายใจไปได้แบบนานๆ