อาหารรสจัดจ้านคือหนึ่งเอกลักษณ์ของความเป็นไทย โดยเฉพาะรสชาติของความเผ็ด ที่ไม่ใช่แค่ต่างชาติเท่านั้นที่ชื่นชอบ แต่คนไทยเองก็ทานกันไปทั่วทุกหัวระแหงประเทศ และปัญหาที่หลายคนเจอกันบ่อยคือการแก้เผ็ดของพริก Gangbeauty เชื่อว่าส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกน้ำเปล่าเย็นๆ มาดื่มดับความเผ็ดกันเพราะมันง่าย ทว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก มาดูวิธีดับเผ็ดกันแบบเซียนๆ ดีกว่า
www.maxpixel.net
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนคือ “ความเผ็ด” ไม่ใช่ “รสชาติ” แต่เป็นเพียงอาการที่เกิดขึ้นจากการระคายเคืองของสารแคปไซซิน ที่มีคุณสมบัติเหมือนน้ำมันเคลือบไปทั่วปาก ลิ้น และลำคอ จนทำให้รู้สึกเผ็ดแสบไปทั่วทั้งปาก ดังนั้นในวิชาเรียนที่สอนเกี่ยวกับการรับรสของลิ้น จึงไม่มีบริเวณใดที่รับรสชาติเผ็ดได้ เพราะมันเป็นแค่เพียงความเจ็บปวดทางกายเท่านั้น ซึ่งวิธีการดับเผ็ดดับร้อนแบบเซียนๆ ก็มีอยู่หลายวิธี
1. ดื่มนม การดื่มนมเป็นวิธีการที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินมา โดยเหตุผลที่นมสามารถดับความเผ็ดแสบได้ก็เพราะมันมีไขมันเป็นส่วนประกอบสูง ซึ่งเจ้าไขมันพวกนี้จะทำหน้าที่ละลายสารแคปไซซินที่เคลือบอยู่ภายในปากให้หมดไป
www.pexels.com
2. ข้าวหรือขนมปัง ไม่ต้องสรรหาอะไรมาช่วยให้เยอะแยะ เพราะข้าวหรือขนมปังที่อยู่ตรงหน้าเราก็สามารถดับความเผ็ดได้ เนื่องจากทั้งข้าวและขนมปังมีคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ ดังนั้นน้ำมันแคปไซซินก็จะโดนดูดออกจากลิ้นไปได้ด้วยเหมือนกัน
pixabay.com
3. น้ำอุ่นหรือซุปร้อน ทานเผ็ดตามด้วยร้อนเป็นอะไรที่ทรมาน แต่ขอบอกเลยว่าทีเดียวอยู่ เพราะอุณหภูมิของน้ำที่ค่อนข้างสูงจะช่วยละลายสารแคปไซซินที่เกาะอยู่บนลิ้นให้ออกไปได้นั่นเอง
www.maxpixel.net
4. น้ำมะนาว ถ้ารู้ตัวว่ามื้อนั้นต้องเผ็ดหูดับตับไหม้ ให้สั่งน้ำมะนาวมาเป็นเครื่องดื่มเคียงจะดีกว่า เพราะกรดของน้ำมะนาวจะทำปฏิกิริยากับสารแคปไซซินซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง สู้กันเรียบร้อยก็หายเผ็ดแล้วล่ะ
www.pexels.com
5. ปล่อยน้ำลายให้ไหล หากอยู่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวอุรา จกส้มตำเผ็ดเบอร์แรงมาก็ให้อ้าปาก ปล่อยน้ำลายให้ไหลออกจากปากให้ได้มากที่สุด สภาพอาจจะดูน่าเกลียด ดูทุลักทุเลไปสักหน่อย แต่รับรองว่าได้ผลล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะสารแคปไซซินจะออกมาจากปากเราพร้อมน้ำลาย สัก 3-4 หยดก็ดื่มน้ำตามได้เลย
ความจริงยังมีอีกหลายวิธี แต่ 5 อย่างนี้ง่ายสุดแล้ว!