คงเถียงกันไม่ได้แล้วว่าทุกวันนี้ เงินคือปัจจัยสำคัญมากเหลือเกินในการดำรงชีวิต ดังนั้นสิ่งที่เราควรต้องมีติดตัวคือวิธีการบริหารการเงินที่เหนือชั้น แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจอันผันผวน วกไปวนมา แผนเก่าๆ ที่เราเคยใช้ได้ดีในวันวานก็อาจจะเริ่มเข้าขั้นแป้กขึ้นมาบ้างแล้วก็เป็นได้ โดยเฉพาะ 5 วิธีนี้ที่ Gangbeauty ขอแนะนำว่าเลี่ยงไปเถอะ มันใช้ไม่ได้หรอก
1. อยากเริ่มดาวน์บ้านต้องเก็บเงินให้ได้ 20% ทุกคนมีความฝันว่าอยากจะมีบ้านเป็นของตัวเอง และอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่าถ้าอยากดาวน์บ้านสักหลังให้รอวันเก็บเงินได้ 20% ของราคาบ้านเพราะจะเซฟโซนที่สุด แต่เชื่อเถอะว่าสำหรับทุกวันนี้ 20% มันไม่พอหรอก อาจจะยังพอใช้ได้บ้างถ้ามีความสามารถมากพอที่จะเก็บได้เร็ว แต่ถ้าเป็นสายเรื่อยๆ ไม่รีบ รับรองว่ายังไงก็ไม่พอ ค่าที่ดินและค่าบ้านขยับขึ้นทุกวันเลยนะจะบอกให้
www.jble.af.mil
2. บัตรเครดิตควรคิดใช้แค่ฉุกเฉิน หลายคนอาจจะเคยเห็นตัวอย่างบุคคลที่ชีวิตล้มเหลวจากหนี้บัตรเครดิตจนแอบขยาด มองว่าบัตรเครดิตคือตัวอันตรายที่ควรเก็บกักไว้ใช้แค่ในยามฉุกเฉินเท่านั้น แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว หนี้สินมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับบัตรเครดิตนะ มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองนี่ล่ะ หากเป็นคนที่ไม่รู้จักพอ อยากได้นั่น อยากได้นี่ ไม่มีการวางแผนการเงินสำหรับชีวิต ต่อให้ไม่มีบัตรเครดิตก็เป็นหนี้ได้เหมือนกัน เปลี่ยนความคิดกันซะใหม่เถอะ มองประโยชน์และเงื่อนไขอื่นที่บัตรเครดิตให้เราได้ดูบ้าง เช่น ความปลอดภัยจากการโดนโจรกรรม การสะสมแต้มเพื่อรับเงินคืนหรือความน่าเชื่อถือทางการเงินสำหรับกู้เงินเพื่ออนาคต คำนวณการใช้ดีๆ อย่ารูดปรื๊ดตามใจก็ได้ประโยชน์มากกว่าผลลบแล้ว
pixabay.com
3. คู่ชีวิตกับกระเป๋าเงินกองกลาง การแต่งงานคือการร่วมทุกข์ ร่วมสุข และแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้แก่คู่ชีวิต แต่เรื่องเงินไม่ต้องแบ่งหรอก แยกกันได้ยิ่งดี รู้จักพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องการเงินดีกว่า วางแผนร่วมกันดีๆ แยกบัญชีของใครของมันให้ชัดเจน นี่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตคู่ในอนาคตแน่นอน
www.maxpixel.net
4. เก็บออมเงิน 10% ของรายได้ กฎการออมเงิน 10% ของรายได้เป็นกฎสากลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก แต่มันเป็นกฎที่ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่กี่ปีที่แล้วกันล่ะ เปรียบเทียบกับการใช้จริงในปัจจุบันมันไปด้วยกันไม่ได้หรอก ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นทุกวัน ลองนึกภาพตัวเราเกษียณ เข้าสู่วัยตายาย เชื่อเถอะว่า 10% ยังไงก็ไม่พอ เก็บได้เท่าที่ทำได้ไปเลยดีกว่า อะไรไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งเถอะ
www.flickr.com
5. เงินค่าเช่าบ้านเหมือนสูญเปล่า เรามักจะคิดกันว่าเงินค่าเช่าบ้านเป็นเงินที่สูญเปล่าไปโดยใช่เหตุ อดทนเสียไปทุกเดือน แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้บ้านมาเป็นของตัวเอง สู้ผ่อนบ้านไปเลยยังดีซะกว่า แต่อันที่จริงมันเป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ดีเหมือนกันนะ เพราะการซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ไม่ได้จบแค่เงินก้อนนั้น แต่ยังมีเงินก้อนอื่นที่จะตามมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย ภาษีที่ดิน ค่าบำรุงรักษาอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่ต้องกดดันตัวเองให้มีบ้านแบบไวที่สุดหรอก หากเงินทองมันยังไม่พอจะซื้อบ้านก็อย่าดันทุรังเลยจะดีกว่า
ลองเอาไปนอนคิด แล้วปรับใช้กันดู รับรองว่ารุ่ง!