สำหรับสาวๆคนไหนที่อยากทำคาง หรืออยากศัลยกรรมต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน เพราะสมัยนี้การศัลยกรรมเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติ และมีคลินิคศัลยกรรมต่างๆมากมายที่เปิดตัวขึ้นให้เราได้เลือกไปศัลยกรรม บางที่เปิดขึ้นมาเพื่อแฝงผลประโยชน์ ทำแล้วพลาด ไม่ออกมาสวยอย่างที่คิดไว้ อยากให้ทุกคนศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ดีกว่ามาแก้ไขทีหลัง เหมือนเช่น คุณหมวย นางแบบอิสระ ที่โพสประสบการณ์ของเธอเองในเว็บไซต์ pantip.com เพื่อเตือนใจ โดยตั้งกระทู้ ว่า “สาวๆ คนไหนที่คิดจะทำคางอ่านทางนี้ก่อนนะคะ”
เธอได้โพสเรื่องราวพร้อมรูปประกอบด้วยข้อความดังต่อไปนี้….
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเองก่อน ชื่อหมวยนะคะ หมวยเป็นนางแบบอิสระ รับถ่ายแบบทำงานอีเว้นท์ทั่วๆไป นี่เป็นครั้งแรกที่หมวยเขียนพันทิปเพื่ออยากจะเตือนเพื่อนๆ ที่จะทำคาง โดยเล่าจากประสบการณ์จริงของหมวยฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ค่ะ
คางในรูปนี้หมวยเคยฉีดซิลิโคนเหลวเมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้ว ไม่มีปัญหาอะไร รับงานถ่ายแบบทำงานมาเป็นสิบปี จนเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหมวยได้เจอรุ่นน้องคนนึง มาชวนหมวยให้ไปช่วยรีวิวคลินิกที่น้องเค้าทำงานอยู่ โดยให้ไปฉีดโบท็อกซ์และถ่ายรูปลงเฟสบุคเพื่อรีวิวให้ ซึ่งปกติหมวยก็เคยรีวิวแบบนี้ให้กับคลินิกอื่นๆ ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จึงตกลงที่จะไปรีวิวให้ ครั้งแรกที่ไปทำพอเจอหมอที่คลินิกคุณหมอก็พยายามติจมูกหมวยว่าไม่สวย ให้ทำใหม่ ให้แก้โดยใช้กระดูกหลังหู คุณหมอจะให้ส่วนลด และให้ผ่อนได้แต่หมวยไม่ได้สนใจจะทำ เพราะจมูกเก่าก็ดีอยู่แล้ว
ครั้งที่สอง…เข้าไปคลินิกนี้เพื่อไปรีวิวหลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์ครบ 1 เดือน ซึ่งก็คือวันที่ 31 มีนาคม วันนี้คุณหมอก็พยายามติเรื่องคางหมวยอีก ว่ามันใหญ่ มันยาว ต้องเอาออกเพราะที่อยู่ในคางก็คือสิ่งแปลกปลอม ถ้าไม่เอาออกก็อาจจะติดเชื้อในวันข้างหน้า และน้องคนที่ชวนมาทำที่คลินิกนี้เพิ่งเอาออกไปเมื่อวานเนื่องจากติดเชื้อ ทั้งคุณหมอและน้องจึงพูดจาหว่านล้อมให้หมวยแก้คางและจะให้หมวยชำระเงินค่าแก้ 15,000 ( คางหมวยไม่มีปัญหาอะไร )
เมื่อถึงตรงนี้คุณหมอพยายามพูดว่าจะเอาสิ่งแปลกปลอมออก คางจริงสวยอยู่แล้ว คางตอนนี้ดูไม่สวย ไม่ธรรมชาติ สารพัดที่คุณหมอจะพูด หมวยจึงขอดูรูปรีวิวคนที่แก้คาง ขูดสารแปลกปลอมออก แต่ทางคลีนิคบอกไม่มีรูป หมวยก็เลยบอกว่าขอคิดดูก่อน เพราะไม่ได้คิดที่จะมาทำศัลยกรรม เข้ามาเพราะคุณหมอเรียกให้มาอัพเดตหน้า กับทำเลเซอร์สลายไขมันหน้าท้อง ที่ทางคลีนิคจะถ่ายไว้ลงเป็นรีวิวของคลินิก
หลังจากนั้นคุณหมอก็เรียกให้ขึ้นไปรอบนห้อง หมวยก็เข้าใจว่าขึ้นไปรอทำเลเซอร์สลายไขมัน แต่เมื่อคุณหมอขึ้นมาถึงบนห้องก็เข้ามาทำคางโดยไม่ได้ถามความสมัครใจ มาถึงลงมือฉีดยาชา กรีดเปิดแผลและใช้เครื่องดูดไขมันมากระทุ้งที่คาง ทำแรงและเร็วมาก ทำให้หมวยพูดอะไรไม่ออก เหมือนเค้าอาศัยช่วงชุลมุนรีบลงมือทำ หลังจากหมอกระทุ้งผ่านไป 1 ชม. ไม่มีอะไรออกมาเลยนอกจากเลือด เพราะซิลิโคนเหลวที่เคยฉีดเมื่อ 12 ปีที่แล้ว กลายเป็นพังพืดไปหมดแล้ว
หลังผ่าตัดคางบวมและช้ำมากทันที โชคดีที่น้องพนักงานถ่าย VDO ไว้ และพอลงมาจากห้องผ่าตัดไม่พบคุณหมอ พนักงานบอกว่าคุณหมอกลับบ้านไป น้องพนักงานจึงให้หมวยจ่ายเงินค่าผ่าตัด 15,000 ซึ่งเราก็ไม่ได้เตรียมเงินมาจึงโอนทางมือถือและจ่ายค่ายา 1,000 ก่อนรับยากลับบ้านโดยไม่มีคำอธิบายใดๆจากคุณหมอ พนักงานบอกแต่เพียงว่าจะมาฉีดยาลดบวมก็ได้นะ เข็มละ 300 หมวยเลยบอกน้องไปว่าไม่เป็นไรปกติเป็นคนที่แผลหายเร็ว เวลาเป็นแผลไม่ค่อยช้ำ
ผ่านไป 1 อาทิตย์คางที่ช้ำไม่ลดลง ม่วงหนักมาก ปากเริ่มเบี้ยว หมวยจึงได้ติดต่อไปถามคุณหมอ เกี่ยวกับอาการปากเบี้ยว คุณหมอตอบมาว่าตอนผ่าตัดคงไปรบกวนเส้นประสาทเลยทำให้ปากเบี้ยวได้ แต่อาการจะดีขึ้นเองต้องใช้เวลา บอกให้รอไปก่อน หมวยจึงรอให้ครบ 1 เดือน อาการบวมและช้ำดีขึ้นแต่คางกลับยาวและใหญ่กว่าเดิม หลายๆ คนเข้าใจว่าหมวยไปเสริมคาง แต่จริงๆ ไม่ใช่
หลังจากนั้นเมื่อติดต่อไปสอบถาม คุณหมอเริ่มบ่ายเบี่ยง ไม่รับผิดชอบ ไม่ช่วยเหลืออะไร ทำให้เราเริ่มเครียด เพราะคางดูเป็นทรงมะม่วงทั้งยาวขึ้น ใหญ่ขึ้นและแข็งด้วย พอเริ่มเห็นทรงคางที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่เล็กเรียว กลายเป็นคางทรงมะม่วงทำให้หมวยตกใจเพราะเราต้องใช้หน้าตาถ่ายแบบ พยายามติดต่อทางคลินิกที่ทำก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น ซ้ำยัง พูดจาไม่ดี บอกว่าไม่ได้บีบคอให้มันมาทำ ได้ยินแบบนี้หมวยท้อและรู้สึกเสียใจมากว่านี่หรือคือคำพูดจากปากหมอ
เมื่อทางคลีนิคไม่รับผิดชอบ หมวยจึงตัดสินใจที่จะไปปรึกษาที่จะแก้คางกับคลีนิกแห่งอื่น คุณหมอที่ใหม่บอกว่าคางอักเสบมากและที่คางใหญ่เกิดจากการที่เราไปรบกวนทำให้มันอักเสบและผิดรูป ต้องรีบผ่าตัดแก้ไขก่อนที่เนื้อจะตาย หมวยจึงตัดสินใจแก้อีกครั้ง
วันที่ 27 เมษายน คุณหมอได้ทำการผ่าตัดเลาะเอาก้อนเนื้อที่ผิดรูป ที่เกิดจาการกระทุ้ง ขนาด 4 ซม.ออก และใส่ซิลิโคนแผ่นเข้าไปแทน หลังจากนั้น 2 เดือน มีอาการติดเชื้อตรงรอยเย็บเป็นหนอง หมวยไปล้างแผลและฉีดยาฆ่าเชื้อทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน ไม่ดีขึ้น คุณหมอจึงตัดสินใจเอาซิลิโคนที่คางออก อาการติดเชื้อถึงหาย แต่พอเอาซิลิโคนออกเนื้อคางเสียหายค่อนข้างเยอะ เนื้อแหว่งไม่เท่ากัน และมีแผลรอยผ่าที่คางยาวมาก เป็นรอยแผลเป็น เริ่มเป็นคีรอยด์ นูน และเป็นพังผืดบริเวณรอบๆ คางเยอะมาก ทำให้ตอนนี้คางจริงใหญ่ขึ้น แข็ง และเบี้ยว ยากที่จะแก้
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ 5 เดือนแล้วค่ะที่ต้องคอยวิ่งเข้าออกคลินิกและโรงพยาบาลแทบทุกวัน งานก็ไม่ได้ทำ ไปไหนก็ต้องใส่แมสปิดหน้าตลอด ความมั่นใจหายไปหมด ถามหาความรับผิดชอบจากหมอก็ไม่มี จึงอยากจะเตือนเพื่อนๆ ที่คิดจะทำคาง และศัลยกรรมตกแต่งอื่นๆ ให้ศึกษาหาข้อมูลดีๆ นะคะ ทั้งข้อมูลของแพทย์และคลินิกที่จะไปทำ แพทย์ต้องมีความเชียวชาญเป็นแพทย์เฉพาะทางและคลินิกต้องสะอาดปลอดเชื้อและได้มาตราฐานนะคะ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เสียเงิน เสียโฉม และเสียสุขภาพจิตแบบหมวย ประสบการณ์เลวร้ายผ่าตัด 3 ครั้งในเวลา 5 เดือน ติดเชื้ออีก 3 ครั้ง
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : pantip.com
ภาพ : muaypilawan