ผักพื้นบ้านช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้มีผักอะไรที่ใกล้ตัว หากินได้ง่ายๆ บ้าง ตามมาส่องผักลดน้ำตาลในเลือดกันเลย
ถ้าต้องการลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยอะไรที่ไม่ใช่ยา ลองมองหาผักพื้นบ้านช่วยลดน้ำตาลในเลือดดูไหมคะ เพราะผักลดน้ำตาลในเลือดมีอยู่หลายชนิดเลยทีเดียว แถมบางชนิดยังเป็นผักที่เรากินกันบ่อยๆ อีกด้วยนะ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าผักลดน้ำตาลในเลือดมีอะไรบ้าง เราจะได้กินผักชนิดนั้นๆ บ่อยขึ้นไง
1. มะระขี้นก
หวานเป็นลมขมเป็นยา คำกล่าวนี้เป็นความจริงมาแต่ไหนแต่ไร อย่างมะระขี้นกที่ขึ้นชื่อว่าขมแสนขม แต่สรรพคุณนี่ต้องชมจริงว่าเด็ดแสนเด็ด โดยเฉพาะในเรื่องลดน้ำตาลในเลือด เพราะในผลมะระขี้นกมีสารซาแรนติน (Charatin) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน ลดการสร้างน้ำตาลของตับ กระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาล และเพิ่มประสิทธิภาพการในทนทานกลูโคส (ร่างกายไม่ไวต่อกลูโคส) นอกจากนี้สารที่พบในผลมะระขี้นกยังมีผลยับยั้งการหลั่งของกลูโคสในลำไส้เล็ก และยับยั้งเอนไซม์กลูโคไซเดส สาเหตุของโรคเบาหวานได้อีกด้วย
ทั้งนี้สามารถรับประทานผลมะระขี้นกจิ้มน้ำพริก หรือกินเป็นผักเคียงกับกับข้าวชนิดอื่นๆ หรือจะหั่นเนื้อมะระขี้นกเป็นแว่นๆ แล้วนำไปตากแห้ง เอาไว้ชงกับน้ำดื่มก็ได้ ทว่าการรับประทานมะระขี้นกก็มีข้อจำกัดในหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เพราะมะระขี้นกมีฤทธิ์เย็น และมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไปในคนบางกลุ่ม และอาจเป็นอันตรายได้
นอกจากนี้ก็ไม่ควรรับประทานมะระขี้นกติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะอาจทำให้เสียสมดุลในร่างกาย และก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผลสุกของมะระขี้นก เพราะในผลสุกของมะระขี้นกจะมีสารไซยาไนต์ รวมทั้งสารซาโปนินที่อาจส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้อาเจียน ท้องร่วง หรือหมดสติได้
2. ผักเชียงดา
ผักเชียงดาเป็นผักพื้นบ้านทางภาคเหนือ ที่แปลชื่อได้โหดๆ ว่า ผักฆ่าน้ำตาล เหตุก็เพราะว่าในผักเชียงดามีสารสำคัญในกลุ่มไตรเทอร์ปีนซาโปนิน ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการขนส่งน้ำตาล ชะลอการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้เล็ก นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินในตับอ่อน ทำให้ผักเชียงดาเป็นผักลดน้ำตาลในเลือดที่น่าสนใจมากๆ
ส่วนวิธีกินผักเชียงดาลดน้ำตาลในเลือด สามารถนำใบอ่อน ยอด และดอกผักเชียงดามาลวกพอสุก จิ้มน้ำพริกกิน หรือใส่ไปกับตำมะม่วง แกงปลาแห้ง แกงแค หรือจะนำผักเชียงดามาผัดน้ำมันหอยหรือผัดใส่ไข่ก็ได้
3. ป่าช้าหมอง (หนานเฉาเหว่ย)
หลายคนอาจรู้จักกันในชื่อหนานเฉาเหว่ย หรือป่าช้าหมอง หรือขันทองพยาบาท แต่ไม่ว่าจะชื่อไหนผักพื้นบ้านชนิดนี้ก็มีดีที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยจากการศึกษาในสัตว์ทดลองและผู้ป่วยโรคเบาหวาน พบว่า ป่าช้าหมองมีฤทธิ์ลดความเข้มข้นของระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานและในคนปกติ โดยสามารถเคี้ยวใบสดๆ ของหนานเฉาเหว่ยกินได้เลย
แต่ทั้งนี้ก็ควรเลือกกินใบป่าช้าหมองที่มีขนาดประมาณฝ่ามือ โดยกินไม่เกิน 3 ใบ ต่อวัน หรือหากเป็นใบใหญ่กว่านั้นก็กินเพียงใบเดียวต่อวัน เพราะฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของหนานเฉาเหว่ยค่อนข้างแรง หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติได้ โดยเฉพาะในคนที่กินยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่แล้ว รวมทั้งคนที่มีน้ำตาลในเลือดไม่ได้สูงมากนัก ไม่ควรทาน เพราะอาจมีอาการหน้ามืด ใจสั่น จนช็อกได้
4. ใบชะพลู
ใบชะพลูที่เราคุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเมี่ยงคำ หรือในห่อหมกก็อาจจะเจอใบชะพลูได้เหมือนกัน โดยใบชะพลูก็เป็นผักลดน้ำตาลในเลือดชนิดหนึ่งซึ่งมีฤทธิ์ชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด และช่วยกระตุ้นการนำน้ำตาลในร่างกายไปใช้อีกด้วย
ทั้งนี้การรับประทานใบชะพลูลดน้ำตาลในเลือด ตำรับแพทย์แผนโบราณแนะนำให้ใช้ชะพลูทั้งต้น (ถอนทั้งราก) จำนวน 7 ต้น มาล้างให้สะอาด จากนั้นนำไปต้มกับน้ำเดือดสักพัก แล้วกรองแต่น้ำมาดื่มเป็นชาชะพลูลดน้ำตาลในเลือด ทว่าก็ควรวัดระดับน้ำตาลในเลือดทั้งก่อนและหลังดื่มชาใบชะพลูทุกครั้ง เพราะชะพลูมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้เร็วมาก จึงต้องป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำสำหรับคนที่กินยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่ก่อนแล้ว
5. ตำลึง
ผักริมรั้วอย่างตำลึงก็ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้นะจ๊ะ โดยในตำลึงไม่เพียงแต่มีวิตามินเอ แคลเซียมสูง เท่านั้น แต่ยังมีสารเพคติน (Pectin) คอยช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย นอกจากนี้ใบตำลึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากๆ ด้วยนะคะ
โดยวิธีกินตำลึงลดน้ำตาลในเลือดให้ใช้เถาแก่ของตำลึงประมาณ 1 กำมือ หรือครึ่งถ้วยตวง ล้างให้สะอาดแล้วต้มกับน้ำประมาณ 200 ซีซี หรือจะคั้นน้ำจากผลตำลึงมาดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก็ได้เช่นกัน
6. กะเพรา
กะเพราเป็นผักให้กลิ่นหอมที่เราคุ้นเคยกันดี โดยกะเพรามีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจากการทดลองกับหนูทดลองและคน พบว่า สารในกะเพรามีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในระดับสูงเล็กน้อยจนถึงระดับปานกลางได้ โดยสามารถนำใบกะเพราตากแห้ง 2-5 กรัม มาต้มกับน้ำสะอาด 1 แก้วกาแฟ และดื่มเป็นประจำทุกวัน
7. ฟักข้าว
ผลการทดลองของประเทศบังกลาเทศ พบว่า ในผลอ่อนฟักข้าวและใบอ่อนมีสารไกลโคไซด์ (Glycoides) ซึ่งมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ โดยวิธีกินฟักข้าวลดน้ำตาลในเลือดสามารถดื่มน้ำฟักข้าว หรือจะนำใบยอดอ่อนของฟักข้าวมาลวกจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันหอย หรือใส่ในแกงแคก็ได้
8. มะเขือพวง
มีงานวิจัยพบว่า น้ำสมุนไพรมะเขือพวงจากผลมะเขือพวงแห้ง มีคุณสมบัติลดระดับอนุมูลอิสระซูเปอร์ออกไซต์ หรืออนุมูลอิสระไนทริกออกไซต์ในเลือดหนูที่เป็นเบาหวานได้ โดยพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานลดลง แต่ในคนอาจยังไม่มีงานวิจัยชี้ชัดในเรื่องนี้มากนัก ทว่ามะเขือพวงก็เป็นผักพื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง ส่วนวิธีกินมะเขือพวงลดน้ำตาลในเลือดให้นำผลมะเขือพวงตากแห้งประมาณ 10 ผล มาต้มกับน้ำสะอาด 1 แก้ว แล้วดื่มเป็นชามะเขือพวง
9. กระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียวที่นิยมนำมากินคู่กับน้ำพริกเป็นผักที่มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำค่อนข้างสูง และไฟเบอร์ที่อยู่ในกระเจี๊ยบเขียวนี่แหละค่ะที่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด ทำให้กระเจี๊ยบเขียวเป็นผักลดน้ำตาลในเลือดอีกทางเลือกหนึ่งที่หากินได้ไม่ยากเลย แค่นำกระเจี๊ยบเขียวมาหั่นซอย ผสมน้ำเล็กน้อยแล้วคนให้เหนียวไว้รับประทาน ซึ่งการทานกระเจี๊ยบเขียวที่ไม่ผ่านความร้อนจะได้รับประโยชน์จากไฟเบอร์ในกระเจี๊ยบเขียวอย่างเต็มที่ แต่ถ้าทานสดไม่ได้ แค่นำมาลวกพอสุกแล้วกินแกล้มอาหารชนิดต่างๆ ก็อร่อยและได้ประโยชน์ในการลดน้ำตาลในเลือดเช่นกัน
10. ตดหมู ตดหมา
ใบของตดหมู ตดหมา มีสารที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินของร่างกาย จึงช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองลดลงได้ และนอกจากนี้ตดหมู ตดหมา ยังมีสรรพคุณทางยาอีกหลายขนาน
11. เตยหอม
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ระบุว่า ตามตำรับยาไทย รากเตยหอม (ซึ่งไม่ใช่ใบเตยธรรมดา) ถูกใช้ในตำรับยาลดน้ำตาลในเลือดมานาน โดยให้ใช้รากเตยหอม 1-2 ราก ต่อวัน ต้มกับน้ำประมาณ 1-2 ลิตร แล้วดื่ม แต่ไม่แนะนำให้ดื่มต่างน้ำ ทั้งนี้ควรใช้ร่วมกับยาแผนปัจจุบัน และควรหมั่นเช็กระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำว่าได้ผลหรือไม่ ที่สำคัญคือหมั่นเช็กอาการตัวเองอยู่เสมอ เพราะรากเตยหอมอาจไปเสริมฤทธิ์ยาลดน้ำตาลในเลือดจนทำให้ผู้ป่วยมีอาการหน้ามืดจากภาวะน้ำตาลตกได้
12. ใบหม่อน
ใบหม่อนหรือมัลเบอร์รี มีสารสำคัญในการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดที่ชื่อว่า สาร 1-deoxynojirimsyn (DNJ) และสารโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ย่อยน้ำตาลโมเลกุลคู่ให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ซึ่งสารชนิดนี้จะออกมาได้ดีเมื่อนำไปชงแบบชา
โดยเก็บยอดใบหม่อนที่ 3-4 มาหั่นเป็นแว่นๆ แล้วนำไปลวกน้ำร้อน 20-30 วินาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง จากนั้นนำใบหม่อนไปผึ่งให้พอหมาด ก่อนนำมาคั่วด้วยไฟอ่อนๆ จนกว่าใบชาจะแห้ง และหากจะดื่มชาใบหม่อนก็นำใบหม่อนแห้งที่ทำไว้ประมาณ 80 กรัม (2-3 ช้อนโต๊ะ) ใส่ในแก้วกาแฟแล้วเติมน้ำร้อนเกือบเต็มแก้ว รอจนอุ่นแล้วจึงดื่มตามปกติ
13. ใบย่านาง
ใบย่านางมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอยู่มาก และยังมีโพลีแซคคาไรด์ ที่ช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด จึงมีผลดีต่อการลดน้ำตาลในเลือดได้ อีกทั้งยังมีผลการทดลองในหนูที่พบว่า สารสกัดจากใบย่านางมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งอินซูลินในหนูทดลอง และสามารถลดน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานได้
ส่วนการกินใบย่านางสามารถกินใบย่านางในอาหารชนิดต่างๆ หรือจะทำน้ำใบย่านางดื่มก็แล้วแต่สะดวก โดยนำใบย่านาง 10-20 ใบ มาคั้นกับน้ำประมาณ 1-3 แก้ว จากนั้นนำน้ำคั้นจากใบย่านางไปต้มแล้วกรองเอากากออกก่อนดื่ม
อย่างไรก็ตาม ผักพื้นบ้านลดน้ำตาลในเลือดก็เป็นเพียงอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งของคนที่ต้องการลดน้ำตาลในเลือดเท่านั้น ซึ่งทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรหวังว่าการทานผักหรือสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ เพราะหัวใจสำคัญในการลดน้ำตาลในเลือดคือการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย ยิ่งกับผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้ว ยังไงก็ไม่ควรหยุดยาแผนปัจจุบันโดยเด็ดขาด และควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้ก่อนรับประทานสมุนไพรหรือวิตามินอะไรก็ตาม